เปิดตัว 4 นวัตกรรมประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ด้วย AI และดาวเทียม

เปิดตัว 4 นวัตกรรมประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ด้วย AI และดาวเทียม

 

การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน ไม่สามารถทำได้โดยปราศจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ล่าสุด องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการเปิดตัว 4 แพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อการประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ ที่ใช้เทคโนโลยีสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

 

 

— เป้าหมาย: เพิ่มความแม่นยำและโปร่งใสในตลาดคาร์บอนเครดิต

ภายใต้โครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) การพัฒนาแพลตฟอร์มเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานของตลาดคาร์บอนเครดิตไทยให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินคาร์บอนในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญในการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก

 

การเปิดตัวในครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง อบก., GISTDA, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

— แพลตฟอร์มที่เปิดตัวมี 4 ราย ได้แก่:

 

  1. Carbon Atlas  โดย GISTDA
  2. Carbon Watch โดย บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
  3. CERT+ โดย บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)
  4. Smart Forest โดย บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่ม ปตท.

 

 

— Carbon Atlas : ข้อมูลจากดาวเทียมสู่การใช้งาน

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มคาร์บอน แอตลาส  (Carbon Atlas)  ใช้เทคโนโลยี LiDAR ผสานกับข้อมูลจาก รีโมทเซนซิง (Remote Sensing) การรับรู้ระยะไกล และ แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ที่ใช้วิธีการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าไม้ 5 ประเภท ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน และสวนยางพารา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. พร้อมรองรับเกษตรกรรายย่อย ที่มีพื้นที่ปลูกไม่มาก สามารถรวมกลุ่มกัน และเข้าถึงเข้าร่วมโครงการ T-VER ด้วยการเข้าใช้แพลตฟอร์มคาร์บอน แอตลาส ได้เช่นกัน

 

ทำงาน กักเก็บคาร์บอนในพื้นที่สีเขียว โดย

  • ค้นหาพื้นที่เป้าหมายเพื่อประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่สีเขียว
  • เป็นแผนที่ฐาน (Base Map) ในการคำนวุณการ ซื้อ-ขาย ในตลาดคาร์บอนด้วยกาคำนวณปริมาณคาร์บอนสะสมที่เพิ่มขึ้นจากแผนที่ฐาน
  • สนับสนุนข้อมูลให้กับรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐเป็นข้อมูลสำหรับการติดตามการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

 

— CarbonWatch : ดาวเทียมและ AI เพื่อการประเมินคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

ปฐมภพ สุวรรณศิริ CEO ของไทยคม กล่าวว่า คาร์บอน วอทช (CarbonWatch) เป็นแพลตฟอร์มประเมินคาร์บอนภาคป่าไม้ด้วยดาวเทียมและ AI ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. เป็นรายแรกของประเทศ สามารถตรวจวัดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และคุ้มค่ากว่าวิธีดั้งเดิม พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

 

 “ในฐานะผู้นำธุรกิจด้าน Space tech ไทยคมมีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีด้านอวกาศ มาคิดค้นการบริการที่สามารถตอบโจทย์ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม CarbonWatch เพื่อช่วยให้การประเมินคาร์บอนในพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากว่าวิธีดั้งเดิม”

 

 

— CERT+ : AI ขั้นสูงและ Remote Sensing สำหรับไม้ยูคาฯ และพืชเศรษฐกิจ

สุรเชษฐ์ ชโลธร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า CERT+ (เซิร์ทพลัส) เป็นแพลตฟอร์มแรกที่นำเทคโนโลยีรีโมท เซนซิง (Remote Sensing) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงมาใช้กับภาคป่าไม้และเกษตรกรรม โดยเฉพาะไม้ยูคาลิปตัส และเตรียมขยายไปยังพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น อีกทั้งยังสามารถติดตามการเจริญเติบโตของพืชและวิเคราะห์ความเสี่ยงของพื้นที่ได้ภายในแพลตฟอร์มเดียว

 

  • ระบบดังกล่าวยังสามารถติดตามการเจริญเติบโตของพืช 
  • วิเคราะห์ความเสี่ยงในพื้นที่โดยบูรณาการข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียว 

 

“เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคือหัวใจสำคัญที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างแท้จริง”

 

 

— Smart Forest : โมเดลประเมินที่รองรับหลากหลายประเภทป่า

มีนา ศุภวิวรรธน์ จาก ปตท. กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโมเดลการดูดซับ CO2 ของป่าไม้ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. แล้ว 3 โมเดล ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ และสวนยางพารา ภายใต้แพลตฟอร์ม สมาร์ท ฟอเรส (Smart Forest) ของบริษัท วรุณา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ปตท. ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net zero emissions 2050 มีหนึ่งกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญคือการฟื้นฟูป่า ซึ่งนอกเหนือจากการร่วมฟื้นพู่ป่าเสื่อมโทรมทั่วประเทศแล้ว 

 

“นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ภายใต้มาตรฐานของประทศไทย”

 

 

— จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคต

การประเมินคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero GHG Emissions 

ด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ของไทยจึงก้าวสู่ยุคใหม่ที่มีทั้งความแม่นยำ โปร่งใส และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ภายในงานยังมีเวทีเสวนาเจาะลึกทางเทคนิคเกี่ยวกับข้อจำกัดและข้อได้เปรียบของแต่ละแพลตฟอร์ม พร้อมหัวข้อพิเศษ “การประกันภัยคาร์บอนเครดิต” ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโครงการคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้

 

 

ที่มาภาพ : องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก – องค์การมหาชน