เปิดตัวอนุกรมวิธานฯ ระยะ 2 (Thailand Taxonomy) เน้นภาคส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง

เปิดตัวอนุกรมวิธานฯ ระยะ 2 (Thailand Taxonomy) เน้นภาคส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง

การพัฒนา “อนุกรมวิธานของประเทศไทย ระยะที่ 2”

 

โครงการ “Thailand Taxonomy” หรือ “อนุกรมวิธานของประเทศไทย” เป็นโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายเพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการจัดประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดยในการดำเนินงานระยะที่ 2 นี้ ได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการอนุกรมวิธานของประเทศไทย (“คณะกรรมการ”) ขึ้น โดยคณะกรรมการประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานหลัก ได้แก่

  • กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน (รายชื่อเพิ่มเติมระบุในภาคผนวกของรายงาน)

การมีส่วนร่วมจากหน่วยงานหลากหลายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศไทยในการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) และความเป็นกลางทางคาร์บอนในระยะยาว

โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้จะมีการจัดสัมมนาเพื่อส่งเสริมความเข้าใจในแนวทางการใช้อนุกรมวิธานเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ

 

Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 มีเป้าหมายครอบคลุมกิจกรรมในสี่ภาคเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ภาคเกษตรกรรม การผลิต อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง รวมถึงภาคการจัดการของเสีย ซึ่งล้วนเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูง การพัฒนาในระยะนี้ต่อยอดจากระยะที่ 1 ที่เริ่มดำเนินการในปี 2566 โดยเน้นที่ภาคพลังงานและการขนส่ง ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดในประเทศ

 

 

วัตถุประสงค์ของอนุกรมวิธานระยะที่ 2

กำหนดวัตถุประสงค์หลัก 6 ประการที่ครอบคลุมทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งจะใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดประเภทกิจกรรมที่ถือว่า “ยั่งยืน” ดังนี้

1. การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

วัตถุประสงค์แรกมุ่งเน้นการลดหรือควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-carbon economy) และช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในกรอบเวลาที่ตั้งไว้

ตัวอย่างของกิจกรรมภายใต้วัตถุประสงค์นี้ เช่น การผลิตพลังงานหมุนเวียน การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

2. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ประเทศไทยมีความเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และพายุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน วัตถุประสงค์นี้จึงมุ่งสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศ

กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า การออกแบบอาคารที่ทนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการพัฒนาระบบเกษตรกรรมที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ

3. การใช้และปกป้องทรัพยากรทางทะเลและน้ำอย่างยั่งยืน

ประเทศไทยมีทรัพยากรน้ำและทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ แต่ต้องเผชิญกับปัญหาการจัดการที่ไม่ยั่งยืน วัตถุประสงค์นี้เน้นให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์แหล่งน้ำจืด แหล่งน้ำชายฝั่งทะเล และระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมที่จัดอยู่ในขอบเขตนี้ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำอย่างยั่งยืน การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ และการประมงที่รับผิดชอบ

4. การส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัวของทรัพยากร และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดแรงกดดันต่อทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุประสงค์นี้มุ่งสนับสนุนกิจกรรมที่ออกแบบมาให้ลดของเสีย เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร และขยายอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์

ตัวอย่างของกิจกรรม ได้แก่ การรีไซเคิลวัสดุ การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานซ้ำ หรือการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต

5. การป้องกันและควบคุมมลพิษ

วัตถุประสงค์นี้เน้นย้ำการควบคุมสารมลพิษที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ น้ำ ดิน หรือของเสียอันตราย

กิจกรรมที่เข้าข่าย เช่น การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงาน การควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิด และการจัดการของเสียอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ

6. การคุ้มครองและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ

ความหลากหลายทางชีวภาพคือรากฐานของระบบนิเวศที่มีสุขภาพดี วัตถุประสงค์นี้จึงสนับสนุนกิจกรรมที่อนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน รวมถึงการรักษาพื้นที่ธรรมชาติสำคัญ เช่น ป่าไม้ แนวปะการัง และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า

กิจกรรมในกลุ่มนี้ ได้แก่ การอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ การจัดตั้งเขตอนุรักษ์ และการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม

 

 

คณะกรรมการได้แสดงความขอบคุณต่อทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมย้ำว่าการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงิน นำอนุกรมวิธานไปใช้เพื่อสนับสนุนการจัดหาเงินทุน การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในระยะยาว

โครงการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IFC, GIZ และ ADB รวมถึงได้รับคำปรึกษาทางเทคนิคจากสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้แก่ Climate Bonds Initiative (CBI), DNV, The Creagy Company Limited, Carbon Institute for Sustainability (CBiS) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งร่วมกันผลักดันให้อนุกรมวิธานฉบับนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 

 

ที่มา