“วินด์ เอนเนอร์ยี่” ทุ่ม 6.5 หมื่นล้าน ลุยขยายพลังงานลม ตั้งเป้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์-เพิ่มกำลังผลิตแตะ 2,000 เมกะวัตต์
บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (Wind Energy Holdings: WEH) ผู้ผลิตพลังงานลมรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เตรียมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ ด้วยงบลงทุนสูงถึง 65,000 ล้านบาท ภายในช่วงเวลา 12 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศจากระดับปัจจุบันที่ 700 เมกะวัตต์ให้แตะระดับ 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2580 พร้อมกันนี้ยังมีแผนสำรวจการลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์
ณัฐพสินธ์ เชษฐอุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ WEH เปิดเผยว่า แผนการขยายตัวครั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยที่ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนรวม 16,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2580 ซึ่งรวมถึงพลังงานปรมาณู เพื่อยกระดับสัดส่วนพลังงานสะอาดจาก 23% ในปี 2566 ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งเงินทุนหลักของโครงการจะมาจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการ IPO ยังคงต้องรอการคลี่คลายของข้อพิพาททางกฎหมายบางประการที่เกี่ยวข้องกับบริษัท โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท
ทั้งนี้ นพพร ศุภพิพัฒน์ ซึ่งก่อตั้ง WEH เมื่อปี 2549 ได้รับชัยชนะในคดีความที่ยื่นฟ้องต่อศาลอังกฤษในปี 2566 โดยศาลมีคำพิพากษาให้เขาสามารถเรียกเงินคืนได้กว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อกล่าวหาว่าถูกบีบบังคับให้ขายหุ้นในบริษัทด้วยราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง ขณะเดียวกันเขายังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อปี 2557 และได้ลี้ภัยออกนอกประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งบริษัทในปัจจุบันยังคงมีข้อพิพาทในไทยเกี่ยวกับเงินปันผลจากหุ้นดังกล่าว
คาดการณ์ปี 2568 กำลังผลิตบูม
ณัฐพสินธ์ ระบุว่า บริษัทกำลังจับตาความคืบหน้าทางกฎหมายอย่างใกล้ชิด และเมื่อข้อพิพาทได้รับการแก้ไขแล้ว บริษัทก็พร้อมเดินหน้า IPO ทันที ทั้งนี้ แม้ผลประกอบการของ WEH ในปี 2567 จะลดลง โดยรายได้สุทธิและรายรับหดตัวลงกว่า 20% แต่บริษัทเชื่อว่าด้วยศักยภาพที่มีและความชำนาญในด้านพลังงานลม จะสามารถคว้าโอกาสจากการประมูลโครงการใหม่ๆ ได้ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการจัดหาที่ดินและประสานกับซัพพลายเออร์เพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว
อย่างไรก็ดี การลงทุนในพลังงานลมทั่วโลกในช่วงหลังเผชิญความท้าทายจากต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กและซีเมนต์ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมใหม่ๆ นอกประเทศจีนลดลงเหลือ 36 กิกะวัตต์ในปี 2566 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2562 แต่รายงานจาก BloombergNEF คาดการณ์ว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่อุตสาหกรรมฟื้นตัว โดยมีแนวโน้มการติดตั้งกำลังผลิตนอกจีนเพิ่มขึ้นถึง 44%
ลุยต่อความสำเร็จ
สำหรับประเทศไทย การขยายตัวของ WEH จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน พร้อมยกระดับศักยภาพการแข่งขันในระดับภูมิภาค และสอดคล้องกับนโยบายพลังงานสะอาดในระยะยาวของประเทศ
ตามวิสัยทัศน์เพื่อที่จะก้าวไปสู่การรวมกลุ่มระดับโลกที่สร้างความแตกต่างให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพของประชาชน และภารกิจขยายขอบเขตการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนให้กว้างไกลเกินกว่าการผลิตพลังงานลม และเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ
