วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 – นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวเดินหน้าโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยมีนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการ อพท. และนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมแถลงในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักของโครงการ

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสรวงศ์ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ภายใต้แนวทาง “การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ที่เน้นการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยการเข้าถึงธรรมชาติถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ “กระเช้าไฟฟ้าไม่ได้มีไว้เพียงอำนวยความสะดวก แต่เป็นเครื่องมือของการอนุรักษ์ที่จะช่วยลดการเดินเท้าในเขตเปราะบาง ลดการพักแรมบนภู ลดขยะ ลดภาระของเจ้าหน้าที่ และลดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ” นายสรวงศ์กล่าว

ภาพตัวอย่างกระเช้า gondola
สิ่งแวดล้อมต้องมาก่อน
รัฐมนตรีเน้นย้ำว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงมีพื้นที่ส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ จึงต้องผ่านการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเข้มงวด และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ โดยครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และชุมชน
การออกแบบโครงการจะยึดแนวคิด Minimum Intervention คือ สถานีและเส้นทางกระเช้าต้องกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด และเมื่อกระเช้าเปิดให้บริการ แนวโน้มการพักแรมบนยอดภูจะลดลง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและลดปริมาณขยะตกค้างในระยะยาว

ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัย
กระเช้าไฟฟ้าจะช่วยกระจายรายได้จากยอดภูลงสู่ชุมชนตีนภู เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะสามารถขึ้นไปชื่นชมธรรมชาติและกลับมาในวันเดียวกัน เปิดโอกาสให้ธุรกิจท้องถิ่นเติบโต ทั้งที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยว
นอกจากนี้ อพท. ยังมีแผนดูแลกลุ่มลูกหาบโดยจัดสรรพื้นที่พาณิชย์ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม ขณะที่กระเช้าไฟฟ้ายังสามารถใช้เป็นเส้นทางช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ทั้งนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ และแม้แต่สัตว์ป่าที่บาดเจ็บ
เปิด Timeline 8 ขั้นตอน คาดแล้วเสร็จปลายปี 70
นายฐิติพงศ์ และนายศิริปกรณ์ เปิดเผยขั้นตอนการดำเนินโครงการทั้งหมด 8 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี 6 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม 2568 ถึงพฤศจิกายน 2570 แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 (พ.ค. 2568 – มี.ค. 2569): จัดทำรายงาน EIA และจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
ระยะที่ 2 (เม.ย. – ส.ค. 2569): เสนอรายงาน EIA ต่อสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ก่อนนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และขออนุญาตกรมอุทยานแห่งชาติฯ
ระยะที่ 3 (ก.ย. 2569 – พ.ย. 2570): เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการ อพท.
ตอบข้อสงสัย 12 ประเด็นสำคัญ
อพท. ได้ชี้แจงประเด็นข้อสงสัยสำคัญเกี่ยวกับโครงการ อาทิ
- เส้นทางเดินจะไม่หายไป
เส้นทางเดินเท้าจะยังคงอยู่และได้รับการดูแลปรับปรุงให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น กระเช้าเป็นเพียงทางเลือกสำหรับผู้ที่เดินขึ้นไม่ได้
- เสน่ห์ของภูกระดึงจะยังอยู่
จำนวนนักท่องเที่ยวบนเส้นทางเดินจะลดลง ทำให้การเดินขึ้นมีความสงบและมีคุณภาพมากขึ้น ขณะที่บนยอดภูจะสะอาดขึ้นด้วยการบริหารจัดการที่เป็นระบบ
- เรื่องความคุ้มค่า
แม้ภูกระดึงไม่ได้เปิดทั้งปี แต่โครงการนี้เป็นการลงทุนและบริการสาธารณะเพื่อสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงแหล่งธรรมชาติ และกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
- การก่อสร้างในช่วงปิดอุทยานฯ
อพท. จะหารืออย่างใกล้ชิดกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อกำหนดแนวทางการก่อสร้างที่เหมาะสม
5. ผลกระทบต่อธรรมชาติ
การออกแบบจะใช้หลัก Minimum Intervention โดยไม่เพิ่มจำนวน Carrying Capacity บนยอดภู แต่จะใช้ระบบจองล่วงหน้าและการจัดโซนนิ่งกิจกรรมอย่างเหมาะสม
- กระเช้ากระทบสัตว์ป่าหรือไม่?
กระเช้าส่งเสริมการเที่ยวไป-กลับ ลดค้างแรม ลดขยะดึงดูดสัตว์ อุทยานฯ คุมเข้มโซน ห้ามให้อาหาร/เสียงดัง เฝ้าระวังต่อเนื่อง อพท. ร่วมกรมอุทยานฯ ทำแผนคุม Carrying Capacity ลดผลกระทบระยะยาว

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
7. ลูกหาบตกงานจริงหรือ?
ทางเดินเท้ายังอยู่ ลูกหาบยังมีบทบาท อพท. มีแผนปรับบทบาทลูกหาบ เช่น สิทธิพื้นที่ค้า สนับสนุนรวมกลุ่ม ดูแลสวัสดิการ ลดภาระขนส่งแนวดิ่ง

- กระเช้าปลอดภัยแค่ไหน?
ออกแบบตามมาตรฐานสากล เทคโนโลยีเหมาะภูดิน พิจารณาความปลอดภัยทุกขั้นตอน ตรวจสอบเข้มข้นตามกฎหมาย EIA ครอบคลุมความปลอดภัย กรมอุทยานฯ พิจารณาขั้นตอนก่อสร้าง
- รองรับผู้สูงอายุ/พิการอย่างไร?
จำกัดจำนวนด้วยระบบจอง อิง Carrying Capacity ทำแผนบริหารจัดการบนภู พิจารณาพาหนะ Low Impact Mobility ออกแบบตามหลัก Universal Design
- รายได้กระจายอย่างไร?
ดูแล/ฟื้นฟูอุทยานฯ 2) จัดสรรพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้ชุมชน 3) สร้างงาน/รายได้ทางอ้อม เชื่อมโยงท่องเที่ยวในจังหวัด
- ชาวบ้านใกล้สถานีรับผลกระทบไหม?
ตั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายจราจร บริหารจัดการรถ ลดผลกระทบชุมชน ออกแบบสัญจรเหมาะสม สร้างประโยชน์เศรษฐกิจท้องถิ่น
- สร้างเสร็จเมื่อไร?
เริ่มสร้าง พ.ย. 69 แล้วเสร็จประมาณปลายปี 2570

นายสรวงศ์ กล่าวสรุปว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงไม่ใช่เพียงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่ต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้โอกาสกับผู้คน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
“นี่ไม่ใช่โครงการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือของรัฐบาลเท่านั้น แต่คือโครงการของสังคมไทยทั้งประเทศ ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อธรรมชาติที่เราทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการดูแลและเข้าถึงได้”
