20 ปี! ซินเจียงลบภาพจำ เด็กเลี้ยงแกะกลางทะเลทราย สู่ดินแดนพลังงานสีเขียวใหญ่สุดโลก ทำ GDP พุ่ง 8 เท่า

20 ปี! ซินเจียงลบภาพจำ เด็กเลี้ยงแกะกลางทะเลทราย สู่ดินแดนพลังงานสีเขียวใหญ่สุดโลก ทำ GDP พุ่ง 8 เท่า

จากทะเลทรายแห้งแล้งไร้ผู้คนสู่ มหาอำนาจพลังงานโลก

หากคุณได้เห็นภาพทะเลทรายกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตในซินเจียง เมื่อ 20 ปีก่อน คุณคงไม่มีวันคิดว่าวันนี้ที่นี่จะเต็มไปด้วยกังหันลมยักษ์หลายพันต้น และแผงโซลาร์เซลล์ที่ส่องแสงวิบวับราวกับเพชรบนผืนทราย

ปาฏิหาริย์นี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่เปลี่ยน ‘ซินเจียง’ จากเขตปกครองตัวตั้งที่มี GDP อันดับสุดท้ายของจีนในปี 2548 (เพียง 252,050 ล้านหยวน) กลายเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานสะอาดที่มี GDP สูงถึง 1.9 ล้านล้านหยวนในปี 2566

มาดูกันว่า เขาลบภาพจำจากทะเลทรายที่ร้างว่างเปล่าเป็นแหล่งผลิตพลังงานสีเขียวใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร?

 

                                                                                                            Cr.ภาพ : CGDG

 

ปฏิวัติเศรษฐกิจด้วย “วิสัยทัศน์สีเขียว”

 

ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเผยว่า ความสำเร็จของซินเจียงเริ่มจากการมองเห็นศักยภาพที่แฝงอยู่ในสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นอุปสรรค นั่นคือแสงแดดจัดจ้าและลมแรงในทะเลทราย

รัฐบาลจีนไม่ได้หยุดแค่การมองเห็นศักยภาพ แต่ได้ประกาศให้เมืองนี้เป็น “ฐานพลังงานสะอาดแห่งชาติ” อย่างเป็นทางการในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 14 พร้อมด้วยแพ็กเกจสิทธิประโยชน์จำเจิดที่ดึงดูดนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีนาน 10 ปี สิทธิพิเศษในการเช่าที่ดิน และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานแบบเต็มที่

 

 

กฎเหล็ก “60%” ที่เปลี่ยนทุกอย่าง

 

สิ่งที่ทำให้เมืองแห่งนี้แตกต่างจากโครงการพลังงานสะอาดทั่วไปคือ “เงื่อนไขทองคำ” ที่บังคับให้อุตสาหกรรมในพื้นที่ต้องใช้แรงงานและวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างน้อย 60% เช่น โรงงานแผงโซลาร์เซลล์ต้องจัดหาโพลีซิลิคอนจากเหมืองในซินเจียงไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนกังหันลมต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในพื้นที่อย่างน้อย 60%

เงื่อนไขที่ดูเหมือนข้อจำกัดนี้กลับกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดระบบอุตสาหกรรมครบวงจร ตั้งแต่การขุดแร่ การแปรรูป ไปจนถึงการประกอบและส่งออก สร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและเป็นอิสระ

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ซินเจียงวันนี้ผลิตโพลีซิลิคอนถึง 20% ของความต้องการทั่วโลก ขณะที่บริษัท Goldwind ที่มีฐานการผลิตหลักในพื้นที่ก็กลายเป็นผู้ผลิตกังหันลมอันดับ 2 ของโลก

 

 

ปรากฏการณ์ “เด็กเลี้ยงแกะเป็นวิศวกร”

 

การเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งที่สุดคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ภาพเด็กเลี้ยงแกะท่ามกลางทะเลทรายที่แสนเหงาได้กลายเป็นอดีต วันนี้เด็กคนเดียวกันนั้นอาจกำลังสวมชุดนักเทคนิคในโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ หรือเป็นวิศวกรผู้ดูแลฟาร์มกังหันลมยักษ์

อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดสร้างงานให้ชาวเมืองแห่งนี้ถึง 300,000 ตำแหน่ง โดยกว่า 60% ตกถึงมือชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ที่เคยมีอัตราการว่างงานสูง งานเหล่านี้ไม่ใช่แค่แรงงานทั่วไป แต่ครอบคลุมทุกระดับทักษะ ตั้งแต่แรงงานฝีมือไปจนถึงวิศวกรระบบพลังงานระดับสูง

 

Hami Solar Park เมืองแผงโซลาร์ที่สร้างปาฏิหาริย์

 

Hami Solar Park ฟาร์มโซลาร์เซลล์ขนาด 1.5 ล้านแผงที่กินพื้นที่เทียบเท่าเมืองหนึ่งเมือง ไม่เพียงผลิตไฟฟ้าเพียงพอสำหรับ 1.3 ล้านครัวเรือน แต่ยังกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก

ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงพลังงานและศูนย์วิจัยพัฒนาที่เกิดขึ้นรอบฟาร์มแห่งนี้สร้างรายได้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านหยวนต่อปี รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในทศวรรษที่ผ่านมา หมู่บ้านที่เคยอิงอาศัยการเลี้ยงสัตว์วันนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจบริการใหม่ ๆ

 

บทเรียนสำหรับไทย โรงไฟฟ้าชุมชนที่ถูกลืม

 

ดร.อรรถสิทธิ์ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเคยมีนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนที่มีแนวคิดคล้ายกับเมืองนี้แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทั้งที่นโยบายนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มการจ้างงานในระดับท้องถิ่นได้จริง

เขาเสนอให้ทบทวนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่มุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียน ซึ่งนอกจากจะกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำแล้ว ยังช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนและสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจแบบครบวงจรได้

“ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งภาคอีสานกลายเป็นศูนย์กลางพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ของไทย เราอาจลดการนำเข้าไฟฟ้าจากลาวได้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถส่งออกไฟฟ้าสีเขียวไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย” ดร.อรรถสิทธิ์กล่าว

 

 

ข้อคิด จากข้อจำกัดสู่จุดแข็ง

 

เรื่องราวของซินเจียงสอนเราว่า ภูมิประเทศและสภาพอากาศที่ดูเหมือนเป็นอุปสรรคสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล นโยบายที่เป็นระบบ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การพัฒนาที่แท้จริงไม่ใช่แค่การสร้างตัวเลข GDP ให้สูงขึ้น แต่คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลัง

 

ซินเจียงเป็นมากกว่าตัวอย่างความสำเร็จ เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นไปได้จริง หากเรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและลงมือทำอย่างจริงจัง

 

อ้างอิง

https://www.reuters.com/world/china/worlds-biggest-solar-farm-comes-online-chinas-xinjiang-2024-06-03/

https://en.people.cn/n3/2024/0913/c90000-20218843.html

https://www.ecns.cn/video/2023-11-04/detail-ihcunyxi9343889.shtml

 

บทความอื่น ที่น่าสนใจ

ศึกษาแนวคิด จีน พลิกที่ดินรกร้างกว่า 1,100 ไร่ สร้าง “โซลาร์ฟาร์ม” เอื้อประโยชน์กว่า 400 หมู่บ้าน