ไม่ใช่แค่ดริป…แต่คือการเปลี่ยนโลก Cafe Amazon สนับสนุนเกษตรกรไทยปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน คัดเมล็ดจากแหล่งผลิตในประเทศ ที่กลั่นมาจากใจคนไทยและภูเขาเขียว
ในยุคที่สิ่งแวดล้อมกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ปัญหาอย่างฝุ่น PM2.5 การตัดไม้ทำลายป่า และระบบเกษตรเชิงเดี่ยว ล้วนสะท้อนถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ต้องลุกขึ้นมามีบทบาทในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จึงได้ริเริ่ม โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ภายใต้แบรนด์ Cafe Amazon เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ร่วมกัน
ปลูกกาแฟให้ป่าฟื้น
หัวใจของโครงการคือแนวคิด “Shade-grown coffee” หรือการปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ แทนการถางป่าเพื่อทำไร่ ซึ่งไม่เพียงแต่ลดการเผาเศษวัชพืชและฝุ่นควันที่เป็นสาเหตุของ PM2.5 แต่ยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไว้ได้อย่างยั่งยืน แนวทางนี้เปลี่ยนพื้นที่ที่เคยถูกใช้ทำเกษตรแบบทำลายป่าให้กลับมาเป็นแหล่งผลิตกาแฟคุณภาพ พร้อมคงไว้ซึ่งความสมดุลของธรรมชาติ
ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม OR ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน โดยส่งเสริมเกษตรกรให้มีความรู้เรื่องการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน พร้อมรับประกันตลาดรับซื้อด้วยระบบราคาที่ยุติธรรม (Fair Trade) เพื่อลดความเสี่ยงจากระบบเกษตรเชิงเดี่ยว และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ระยะยาว
ลดการเผา ลดฝุ่น PM2.5 ด้วยแปลงกาแฟใต้ร่มไม้
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของโครงการคือการลดการเผาไร่ในภาคเหนือ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของฝุ่นพิษในช่วงฤดูแล้ง โดย OR ได้เปลี่ยนพื้นที่เกษตรเสี่ยงไฟ ให้กลายเป็นแปลงกาแฟที่อยู่ใต้ไม้ใหญ่ ซึ่งไม่เพียงดูดซับคาร์บอนได้ดี แต่ยังช่วยฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์
จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ตลอด 10 ปีของการดำเนินโครงการ OR ได้ร่วมมือกับเกษตรกรกว่า 1,500 รายใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุม 22 พื้นที่การเพาะปลูก และสามารถรับซื้อเมล็ดกาแฟได้กว่า 7,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการลงพื้นที่อย่างจริงจัง การอบรมพัฒนาเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง และการจับมือกับภาคีเครือข่ายหลายฝ่ายเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ
หนึ่งในความภาคภูมิใจของโครงการ คือการผลักดันให้กาแฟจากแหล่งปลูกของเกษตรกรกลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของ Cafe Amazon โดยเฉพาะในรูปแบบกาแฟดริปสำเร็จรูป เช่น กาแฟดริปปางขอน ที่ผลิตจากเมล็ดอะราบิกาแท้ 100% จากบ้านปางขอน จ.เชียงราย ให้รสชาติกลมกล่อม หอมละมุน และมีเทสโน้ตของคาราเมล ดาร์กช็อกโกแลต และเฮเซลนัท เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติเข้มลึก พร้อมบอดี้ระดับกลางที่ลงตัวระหว่างความนุ่มนวลและความหนักแน่น
ในขณะที่ กาแฟดริปผาลั้ง ก็มาจากพื้นที่สูง 1,000–1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่บ้านผาลั้ง จ.เชียงราย โดยกาแฟชนิดนี้โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ (Floral Notes) และรสสัมผัสที่นุ่มละมุน เหมาะสำหรับผู้ที่มองหากาแฟที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และช่วยสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ดำเนินงานอย่างยั่งยืน
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์คือ กาแฟดริปดอยอินทนนท์ ที่ผลิตจากเมล็ดอะราบิกา 100% บนพื้นที่สูงของดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีรสชาติเข้มข้นจากการคั่วระดับกลางถึงเข้ม OR ร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวงและเกษตรกรในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการผลิตที่มีคุณภาพสูง พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนแก่ชุมชน
ต้นแบบแห่งความยั่งยืนและนวัตกรรม
ความร่วมมือของ OR กับชุมชนต่าง ๆ เช่น บ้านปางขอน บ้านผาลั้ง และสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ได้ผลักดันให้เกิดแหล่งผลิตกาแฟต้นแบบที่มีรายได้รวมหลายร้อยล้านบาทจากการขายผลผลิต และยังมีโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับซื้อและให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรกว่า 400 รายอีกด้วย
ในด้านนวัตกรรม OR ยังทดลองใช้ รถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ขนส่งเมล็ดกาแฟจากแม่วางไปยังโรงคั่วที่วังน้อย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2050 อีกด้วย ขณะที่ Cafe Amazon Park ใน จ.ลำปาง ก็เป็นแลนด์มาร์กแห่งการเรียนรู้กาแฟแบบครบวงจร ที่รวมพื้นที่แปลงต้นแบบ วิจัยพันธุ์กาแฟ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการสร้างงานให้กับชุมชนในพื้นที่
แฝงไว้ด้วยความตั้งใจ ความยั่งยืน และความหวังของเกษตรกรไทย ที่ร่วมกันปลูกอนาคตใหม่ให้กับป่าและโลกใบนี้


