เรียนรู้จากสิงคโปร์! โมเดล ‘ฟาร์มดิจิทัล’ นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะบนตึกสูง ที่ไทยนำมาปรับใช้ได้

เรียนรู้จากสิงคโปร์! โมเดล ‘ฟาร์มดิจิทัล’ นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะบนตึกสูง ที่ไทยนำมาปรับใช้ได้

สิงคโปร์ ประเทศเล็ก ๆ กับความท้าทายใหญ่หลวง แม้จะเป็นประเทศที่ทันสมัยระดับแนวหน้าของเอเชีย แต่สิงคโปร์กลับเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่มีทั้งพื้นที่จำกัดและขาดแคลนแรงงาน

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะข้อจำกัดเหล่านี้ สิงคโปร์ได้ปฏิวัติการเกษตรของตนเองด้วย “ฟาร์มดิจิทัล” (Digital Farming) นวัตกรรมที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความยั่งยืน

 


 

จากอดีตสู่ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการเกษตรในสิงคโปร์

 

ย้อนกลับไปในปี 2513 สิงคโปร์มีเกษตรกรเพียง 175,400 คน คิดเป็นเพียง 9% ของประชากรทั้งหมด การเกษตรในขณะนั้นยังคงเป็นแบบดั้งเดิม ที่ต้องใช้แรงงานมาก ผลผลิตไม่แน่นอน และไม่ได้มาตรฐาน

เพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงก่อตั้ง The Primary Production Department (PPD) ขึ้น โดยมีภารกิจ 3 ด้านคือ

  • สนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศ
  • จัดฝึกอบรมและโครงการพัฒนาต่างๆ
  • วางรากฐานด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ภาคเกษตรกรรม

ความพยายามเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยเน้น “Agrotechnology” หรือการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเกษตร

 

 

 

Living Lab @ Singapore จุดเริ่มต้นของฟาร์มดิจิทัล

“Living Lab” คือแนวคิดสำคัญในการพัฒนาเมืองสิงคโปร์ ที่บูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ากับการออกแบบเมือง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

แนวคิดนี้ขยายไปสู่ภาคการเกษตรในเมือง ด้วยการพัฒนา “ฟาร์มดิจิทัล” ดังนี้

  • เพิ่มคุณภาพของผลผลิต
  • สร้างความคุ้มค่าในการลงทุน
  • เหมาะสมกับพื้นที่จำกัดของสิงคโปร์

 

 

ปัจจุบัน Living Lab ในสิงคโปร์ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20-30 ปี ที่ต้องการแหล่งอาหารคุณภาพ ปราศจากสารเคมี และบางส่วนยังใช้การทำเกษตรเป็นงานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย

ล่าสุด สิงคโปร์มีฟาร์มในเมืองกว่า 62 แห่ง ในเขต Lim Chu Kang และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้

 

 

3 ต้นแบบฟาร์มดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์

 

  1. Com Crop ปฏิวัติการเกษตรด้วยระบบ Aquaponics

Com Crop เป็นผู้บุกเบิกการทำเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) รายแรกของสิงคโปร์ โดยเริ่มต้นบนดาดฟ้าอาคาร Scape ในย่านหรู Orchard ใจกลางเมือง

 

 

นวัตกรรมเด่น ระบบ Aquaponics ที่ผสมผสานการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินเข้ากับการเลี้ยงปลา โดย

  • นำน้ำเสียจากการเลี้ยงปลาผ่านระบบหินกรอง
  • ส่งน้ำที่กรองแล้วไปหล่อเลี้ยงรากพืช
  • น้ำที่ผ่านรากพืชจะสะอาดและถูกส่งกลับไปยังบ่อเลี้ยงปลา

ระบบนี้สร้างวงจรนิเวศจำลองที่ยั่งยืน ประหยัดน้ำ และลดการใช้สารเคมี

 

 

  1. Kok Fah Technology Farm (KFTF) ผสมผสานวิถีดั้งเดิมกับเทคโนโลยีทันสมัย

KFTF เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการผสมผสานการเกษตรแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

 

 

เทคโนโลยีที่นำมาใช้

  • เรือนกระจก (Green House) ควบคุมสภาพแวดล้อม
  • เครื่องใส่ดินอัตโนมัติที่เติมดินได้พอดีกับภาชนะปลูก
  • เครื่องมือฝังเมล็ดพืชอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก

การผสมผสานนี้ช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ โดยยังคงรักษาคุณค่าทางโภชนาการตามธรรมชาติ

 

 

  1. Sustenir Agriculture ฟาร์มดิจิทัลแห่งอนาคต

Sustenir Agriculture ก้าวไปอีกขั้นด้วยระบบเกษตรแนวตั้งที่ควบคุมสภาพแวดล้อมด้วยคอมพิวเตอร์ (Controlled-Environment Agriculture) อย่างสมบูรณ์

 

 

นวัตกรรมที่โดดเด่น

  • ระบบควบคุมปริมาณและความถี่ของการให้สารอาหารแก่พืชอย่างแม่นยำ
  • การปลูกพืชในอาคาร (Indoor) เพื่อป้องกันมลพิษและศัตรูพืช
  • การควบคุมอุณหภูมิและแสงเพื่อกระตุ้นการสังเคราะห์แสง
  • หลอดไฟ LED พิเศษที่ถูกคำนวณความเข้มแสง คลื่นความถี่ และระยะเวลาให้คล้ายแสงอาทิตย์

 

ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้ Sustenir เป็นบริษัทเดียวในสิงคโปร์ที่สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้อย่างมีคุณภาพ แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้น

 

 

 

บทเรียนสู่การเกษตรไทย ปรับใช้แนวคิดฟาร์มดิจิทัลในบริบทของเรา

การเกษตรของไทยมีรูปแบบไม่ต่างจากการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมของสิงคโปร์ในอดีต ซึ่งหากนำแนวคิดฟาร์มดิจิทัลมาปรับใช้ อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้

 

แนวทางการปรับใช้สำหรับไทย

  • ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดโครงการให้ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่
  • พัฒนาระบบที่ช่วยให้เกษตรกรทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ไม่ขึ้นกับฤดูกาล
  • ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และยากำจัดศัตรูพืช
  • ส่งเสริมการปรับตัวไปสู่เกษตรอินทรีย์ที่ผู้บริโภคกำลังให้ความสนใจ

 

การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้เกษตรกรไทยได้ผลผลิตที่มากขึ้น มีคุณภาพสูงขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าการทำเกษตรเคมีแบบดั้งเดิมหลายเท่าตัว

 

ในโลกที่ทรัพยากรมีจำกัดและความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น ฟาร์มดิจิทัลจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตการเกษตรที่ยั่งยืน

 

อ้างอิง

สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

https://www.opsmoac.go.th/angthong-local_wisdom-preview-431691791895

ข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

http://www.ditp.go.th/contents_attach/311511/311511.pdf

 

บทความอื่น ที่น่าสนใจ

 

ถอดความสำเร็จ สิงคโปร์ แก้ปัญหา PM2.5 ได้อย่างไร ให้หมอกฝุ่นพิษหายไปอย่างยั่งยืน