รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตกใจให้กับวงการวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ เมื่อสั่งปลดนักวิจัยสภาพอากาศ องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) และสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) จำนวนกว่า 800 คนในคราวเดียว โดยการปลดพนักงานเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และอาจมีการปลดเพิ่มในอนาคต

สั่งปลดพนักงานกะทันหัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ส่งอีเมลแจ้งพนักงานว่าพวกเขาจะถูกเลิกจ้างในวันนั้นเอง โดยให้เหตุผลว่า “ความสามารถ ความรู้ และทักษะของคุณไม่ตรงกับความต้องการของหน่วยงานในปัจจุบัน” คำสั่งปลดพนักงานนี้ส่งผลกระทบต่อทุกแผนกของ NOAA ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายวิจัยสภาพอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ภูมิอากาศ มหาสมุทร และการตรวจสอบข้อมูล
ผู้ที่ถูกปลดส่วนใหญ่เป็นพนักงานในช่วงทดลองงาน ซึ่งทำงานมาไม่ถึงหนึ่งปีในฐานะข้าราชการเต็มตัว แต่ที่น่าตกใจคือ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานกับ NOAA มานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งเปลี่ยนสถานะจากพนักงานสัญญาจ้างเป็นข้าราชการ ก็ยังถูกปลดออกด้วย

เสียงจากผู้ได้รับผลกระทบ
“พนักงานในสำนักงานของฉันหลายคนทำงานที่นี่มานานกว่า 10 ปี และเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่” พนักงานรายหนึ่งเปิดเผยกับ The Guardian โดยไม่เปิดเผยชื่อ “ถ้าเราสูญเสียพวกเขาไป เราไม่ได้สูญเสียแค่บุคลากรที่มีความสามารถระดับโลกเท่านั้น แต่ยังสูญเสียความรู้และประสบการณ์ที่สะสมมาหลายสิบปีด้วย”
หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบคือ แอนดรูว์ ฮาเซลตัน นักอุตุนิยมวิทยาของ NWS ผู้เคยเข้าร่วมภารกิจ “Hurricane Hunters” หรือการบินสำรวจพายุเฮอริเคนเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการพยากรณ์ที่แม่นยำ

ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน
CNN รายงานว่า แผนกต่าง ๆ ของ NOAA ไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ภูมิอากาศ มหาสมุทร และการตรวจสอบข้อมูล ล้วนได้รับผลกระทบจากการปลดพนักงานครั้งนี้
พนักงานของ NWS ให้ข้อมูลกับ CNN ว่า เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในช่วงทดลองงาน (ทำงานมาน้อยกว่าหนึ่งปี) ของพวกเขาถูกปลดออกเช่นกัน โดยใน NWS มีพนักงานในสถานะนี้ประมาณ 350-375 คน แต่ก็จะมีบางตำแหน่งได้รับการยกเว้น เช่น ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการพยากรณ์ภัยพิบัติร้ายแรงอย่างพายุเฮอริเคนและพายุฝนฟ้าคะนอง
NOAA และ NWS เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องสภาพอากาศและการพยากรณ์ภัยพิบัติในสหรัฐฯ การลดจำนวนบุคลากรลงอย่างมากอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการเตือนภัยและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ
นักวิทยาศาสตร์หลายคนแสดงความกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้น การลดจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาและติดตามปรากฏการณ์เหล่านี้อาจทำให้การเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ เช่น คลื่นความร้อน ไฟป่า พายุเฮอริเคน และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เป็นไปอย่างล่าช้าและขาดประสิทธิภาพ
“นี่อาจทำให้อเมริกาเสี่ยงอันตรายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติได้” Zoe Lofgren สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาเตือน

มุมมองเชิงนโยบาย
การตัดสินใจครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ต่อประเด็นด้านวิทยาศาสตร์สภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ แม้ NOAA จะมีบทบาทสำคัญในการพยากรณ์และการศึกษาสภาพอากาศที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชนชาวอเมริกัน แต่รัฐบาลกลับเลือกที่จะลดงบประมาณและตัดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจำนวนมาก
การปลดพนักงานครั้งใหญ่นี้ยังอาจเป็นสัญญาณว่า จะมีการปรับลดบุคลากรในหน่วยงานวิทยาศาสตร์อื่นๆ ของรัฐบาลกลางตามมาในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนาในหลายด้านของประเทศ
ท้้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านภูมิอากาศน้อยเพียงใด แม้ว่า NOAA จะมีบทบาทสำคัญในการพยากรณ์ภัยพิบัติและการศึกษาสภาพอากาศ แต่รัฐบาลกลับลดงบประมาณและปลดบุคลากรที่มีความสามารถออกจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชนในอนาคต
อ้างอิง
https://www.ecowatch.com/trump-noaa-firings.html
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
