ศึกษาโมเดล ‘ถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ’ ผลผลิตพุ่ง 53% ยกระดับเกษตรไทยสู่ตลาด ESG โลก

ศึกษาโมเดล ‘ถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ’ ผลผลิตพุ่ง 53% ยกระดับเกษตรไทยสู่ตลาด ESG โลก

กรมวิชาการเกษตรผนึกกำลังภาคีเครือข่าย สร้างแปลงต้นแบบ ‘ถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ’ ที่เชียงใหม่ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตจาก 267 เป็น 410 กิโลกรัมต่อไร่ ตอบโจทย์ทั้งความมั่นคงทางอาหารและการรักษาสิ่งแวดล้อม ตอบรับเทรนด์ ESG

 

 

ยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองไทยแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศให้สูงขึ้น โดยมุ่งเน้นให้แปลงต้นแบบนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรในการผลิตถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon)

 

โดยกรมวิชาการเกษตรได้จัดทำโครงการ ด้วยการพัฒนา “แปลงโมเดลต้นแบบการผลิตถั่วเหลืองประสิทธิภาพสูงแบบคาร์บอนต่ำ” ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด

 

โครงการตั้งเป้าหมายชัดเจนในการเพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองจากเดิมเฉลี่ย 267 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 410 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 53% โดยจะเน้นการเพิ่มศักยภาพการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ

 

7 เทคโนโลยีสุดล้ำ พลิกโฉมการปลูกถั่วเหลือง

 

นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร เผยถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่นำมาใช้ในแปลงต้นแบบนี้

 

  1. เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง

ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีอัตราการงอกและรอดตายสูง ทำให้ได้จำนวนต้นถั่วเหลืองในพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการผลิต

 

  1. ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมและปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน

คลุกเมล็ดด้วยปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม 200 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 10-12 กิโลกรัม ก่อนปลูก และให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ธาตุอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของถั่วเหลือง วิธีนี้สามารถ

  • ลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนได้ 50-100%
  • ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • เพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองได้ 25%
  1. เครื่องจักรกลการเกษตรทันสมัย

ใช้เครื่องปลูกและเครื่องเกี่ยวนวดที่มีความแม่นยำสูง ช่วย

  • ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
  • ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • ลดต้นทุนด้านแรงงานไม่น้อยกว่า 67%
  • ลดการใช้เชื้อเพลิงจากการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำ
  1. ระบบน้ำหยดอัตโนมัติร่วมกับปุ๋ย

ระบบน้ำหยดอัจฉริยะที่

  • ให้น้ำตามความต้องการของถั่วเหลือง
  • มีระบบแจ้งเตือนการให้น้ำอัตโนมัติ
  • จัดเก็บข้อมูลสภาพภูมิอากาศและปริมาณการใช้น้ำ
  • ให้ปุ๋ยร่วมกับระบบน้ำ (fertigation) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร
  • ลดการชะล้างปุ๋ยนอกเขตรากพืช
  1. โดรนพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

ใช้โดรนในการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูถั่วเหลือง ซึ่ง

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้สารเคมี
  • จดจำตำแหน่งที่ฉีดพ่นครั้งก่อนได้
  • เข้าถึงพื้นที่ได้ทั่วถึง
  • เพิ่มความปลอดภัยให้เกษตรกรจากการลดการสัมผัสสารเคมีโดยตรง
  • ประหยัดแรงงานและเวลา
  1. โดรนประเมินสุขภาพพืช

ใช้โดรนติดกล้องมัลติสเปกตรัมบินบันทึกภาพแปลง 4 ครั้งตลอดฤดูปลูก ที่

  • 7-10 วันหลังงอก
  • 15-20 วันหลังงอก
  • 30-35 วันหลังงอก
  • 60-65 วันหลังงอก

 

 

ข้อมูลที่ได้ช่วยวิเคราะห์

  • สภาพดินปลูก
  • สุขภาพและความสมบูรณ์ของถั่วเหลือง
  • การวางแผนป้องกันกำจัดศัตรูพืช
  • คาดการณ์ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและผลผลิต
  1. ชีวภัณฑ์และจุลินทรีย์ควบคุมศัตรูพืช

ใช้เชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ได้แก่

  • เชื้อราไตรโคเดอร์มา
  • เชื้อราแอสเปอเรลลัม
  • เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส (BS)

ชีวภัณฑ์เหล่านี้

  • ทำลายเชื้อโรคพืชได้หลายชนิด
  • ลดต้นทุน เกษตรกรสามารถผลิตขยายใช้เองได้
  • ใช้ร่วมกับโดรนได้
  • ลดการใช้สารเคมีและเชื้อเพลิง

 

คู่มือการผลิตถั่วเหลืองประสิทธิภาพสูง

 

นอกจากนี้ โครงการยังได้จัดทำคู่มือการผลิตถั่วเหลืองที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่

  • การจัดการแปลงปลูก
  • การปลูก
  • การให้น้ำ
  • การใส่ปุ๋ย
  • การดูแลรักษา
  • การเก็บเกี่ยวผลผลิต

พร้อมทั้งมีการบันทึกข้อมูลสำคัญ

  • ช่วงเวลาการปฏิบัติงาน
  • ประวัติการระบาดของศัตรูพืช
  • การใช้สารเคมีและเทคโนโลยีต่างๆ

ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นสถิติที่มีคุณค่าสำหรับการวางแผนการผลิตในอนาคต

 

 

ต้นแบบที่ขยายผลได้จริง

 

“โมเดลต้นแบบการผลิตถั่วเหลืองที่มีประสิทธิภาพแบบคาร์บอนต่ำ จะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมในพื้นที่ของตนเอง” นายศรุตกล่าว “และจะขยายผลไปยังพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศให้สูงขึ้น และเป็นแนวทางในการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป”

 

ความสำเร็จของโครงการนี้จะไม่เพียงช่วยยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของไทย แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์อาหาร Plant-Based ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก

 

 

 

อ้างอิง

https://www.bangkokbiznews.com/environment/1122550

https://www.dailynews.co.th/news/3351202/

 

บทความอื่น ที่น่าสนใจ

 

กรณีศึกษา “น่าน” ต้นแบบการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ สู่ความยั่งยืนระดับโลก