กรมประมงเดินหน้าพัฒนาการเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Aquaculture) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน และส่งเสริมพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับภาคเกษตรไทยสู่มาตรฐานสากล
โครงการพัฒนาในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด
8 จังหวัดชายฝั่ง (กุ้งทะเล) ตราด, จันทบุรี, สมุทรสาคร, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, สงขลา 2 จังหวัดน้ำจืด (กุ้งก้ามกราม) กาฬสินธุ์, ราชบุรี.
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนานวัตกรรมการใช้พลังงานที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง กุ้งทะเล โดยพัฒนา 5 รูปแบบ ได้แก่1) ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก สำหรับเครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล 2) ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ สำหรับฟาร์มเลี้ยงกุ้งทะเล
3) ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับเครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
4) ระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
5) ระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
และในส่วนของการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม มีการพัฒนา 2 รูปแบบ ได้แก่
1) การใช้โซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก (Stand Alone)
2) การใช้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบ TOU
โครงการฯ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่– การเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุน
– นโยบายสนับสนุนการให้บริการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานจากสตาร์ทอัพและนักลงทุน
– การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับเกษตรกรในการลงทุนในนวัตกรรมพลังงานทดแทน
– การพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรในการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
.
โดยผลความสำเร็จจากการใช้นวัตกรรมเหล่านี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 18 – 30% และลดต้นทุนพลังงานลงถึง 22.4 – 39% ซึ่งทำให้ต้นทุนการเลี้ยงกุ้งทะเลลดลงเป็น 10.1 – 24.3 บาท/กก. นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 2,291 – 9,433 kCO2e/รอบการเลี้ยง/บ่อ ถือเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย.
กรมประมงมั่นใจว่า “นวัตกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่ำ” จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกรไทย 
