ฟอนเทียร่า (Fonterra) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่จากนิวซีแลนด์ เดินหน้าผลักดันแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายสำคัญคือการบรรลุ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในอุตสาหกรรมนมระดับโลก
หนึ่งในจุดแข็งของ ฟอนเทียร่าคือ ระบบฟาร์มแบบปล่อยเลี้ยงในทุ่งหญ้า ที่มีพื้นฐานมาจากสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นของนิวซีแลนด์ ผนวกกับการจัดการฟาร์มที่เน้นการใช้พืชอาหารสัตว์ตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกษตรกรนิวซีแลนด์กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมที่มี ประสิทธิภาพด้านการปล่อยมลพิษต่ำที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการปล่อย มีเทนจากวัว ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทรงอิทธิพลในภาคปศุสัตว์ ฟอนเทียร่า จึงลงทุนในการคิดค้นและทดลอง เทคโนโลยีลดมีเทน
หนึ่งในกลยุทธ์หลักคือการลงทุนในเทคโนโลยีลดมีเทน เช่น การพัฒนา “สารยับยั้งมีเทน” ที่สามารถผสมในอาหารสัตว์โดยไม่กระทบต่อสุขภาพวัวหรือคุณภาพน้ำนม นอกจากนี้ ฟอนเทียร่า ยังร่วมมือกับบริษัท DSM เพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ Bovaer® ซึ่งมีศักยภาพในการลดการปล่อยมีเทนจากวัวได้มากกว่า 30%
ฟอนเทียร่า คือใคร?
ฟอนเทียร่า (Fonterra) ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 จากการรวมตัวของสหกรณ์ผู้ผลิตนมรายใหญ่ของนิวซีแลนด์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอ๊คแลนด์ และมีรูปแบบการดำเนินงานในลักษณะ สหกรณ์ที่เกษตรกรเป็นเจ้าของร่วมกัน
- รายได้ในปี 2024 อยู่ที่กว่า 22 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์
- มีพนักงานประมาณ 16,000 คนทั่วโลก
- สัดส่วนการส่งออก: คิดเป็นประมาณ 30% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์นมทั่วโลก
- แบรนด์ที่รู้จักในไทย: Anlene, Anmum, และ Anchor
ก้าวสู่ผู้นำระดับโลกด้านสวัสดิภาพสัตว์
ฟอนเทียร่าใช้แนวทางการเลี้ยงสัตว์ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติ ความเครียดต่ำ และสุขภาพที่ดีของสัตว์ โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้:
- โคนมของ Fonterra ใช้เวลา 97% ของช่วงเวลาที่ไม่ได้รีดนมในการเล็มหญ้าในทุ่ง
- 96% ของอาหารที่ใช้เลี้ยงโคนมมาจากหญ้าและพืชอาหารสัตว์ ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาอาหารแปรรูปและลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
- มีการจัดทำ Animal Wellbeing Plans ร่วมกับสัตวแพทย์ และตั้งเป้าครอบคลุมฟาร์มทั้งหมดในนิวซีแลนด์ภายในปี 2025
- มีการตรวจสอบภายนอกจากองค์กรอิสระเพื่อรับรองมาตรฐานการดูแลสัตว์อย่างต่อเนื่อง
บทบาทในประเทศไทยและเอเชีย
โครงการพัฒนาฟาร์มโคนมในไทย
Fonterra ยังได้ร่วมมือกับภาครัฐของไทยในการยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงโคนม ผ่านโครงการพัฒนาในจังหวัดนครราชสีมา โดย
- มีผู้เชี่ยวชาญจากนิวซีแลนด์ร่วมถ่ายทอดความรู้
- ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของนิวซีแลนด์ (MFAT) และกระทรวงอุตสาหกรรมหลักของนิวซีแลนด์ (MPI)
- เน้นการยกระดับสุขภาพสัตว์ การบริหารจัดการฟาร์ม และคุณภาพน้ำนม
- สร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกรไทยสามารถยกระดับการผลิตไปสู่มาตรฐานสากล
ผลดีต่อสัตว์ ผู้บริโภค พนักงาน และชุมชน
Fonterra มองว่าสวัสดิภาพสัตว์ไม่ใช่แค่ประเด็นด้านจริยธรรม แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อทุกภาคส่วนของธุรกิจ:
ต่อสัตว์:
- ระบบเลี้ยงแบบเปิดลดความเครียดของสัตว์
- ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ทำให้สุขภาพสัตว์ดีขึ้น
- ส่งเสริมพฤติกรรมตามธรรมชาติของวัว
ต่อผู้บริโภค:
- ได้รับผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงจากวัวที่เลี้ยงอย่างมีคุณธรรม
- มีความปลอดภัยทางอาหารและโภชนาการที่ดีขึ้น
ต่อพนักงาน:
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- มีโครงการฝึกอบรมและสวัสดิการที่ดี
ต่อชุมชน:
- มีโครงการบริจาคผลิตภัณฑ์นมให้กับโรงพยาบาลและองค์กรการกุศล
- ส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรมในสถานที่ทำงาน
- เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น “เย็บเต้ารวมใจสู้ภัยมะเร็งเต้านม”
Fonterra ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพสัตว์ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่นำไปสู่ความยั่งยืน ความน่าเชื่อถือ และความสำเร็จในระดับโลก ด้วยแนวทางที่ผสานระหว่างการดูแลสัตว์ การพัฒนาคน และการมีส่วนร่วมกับชุมชน
อ้างอิง :
https://www.fonterra.com/jp/en/sustainability/animal-wellbeing.html

