ปัจจุบัน ความต้องการผลไม้สดตัดแต่งพร้อมบริโภค (Fresh-Cut Produce) เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ผลไม้ที่ผ่านการตัดแต่งมีอายุการเก็บรักษาสั้นและเสี่ยงต่อการเน่าเสียได้ง่าย ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ด้วยเหตุนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย (ศบท.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงได้พัฒนา “สารเคลือบผิวบริโภคได้” (Edible Coating) เพื่อช่วยยืดอายุผลไม้สดตัดแต่ง ลดการสูญเสียน้ำหนัก และป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงต่อทั้งอุตสาหกรรมอาหารและสิ่งแวดล้อม
การพัฒนานวัตกรรมสารเคลือบผิวบริโภคได้
ทีมวิจัยของ วว. ได้ศึกษาการพัฒนาสูตรสารเคลือบผิวที่ได้จาก พอลิแซ็กคาไรด์ โปรตีน และไขมัน โดยมีคุณสมบัติช่วยลดการสัมผัสอากาศ ป้องกันการเกิดออกซิเดชัน ลดการเกิดเชื้อรา และคงความสดของผลไม้ให้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยีจาก โปรตีนรังไหม มาพัฒนาเป็นต้นแบบฟิล์มเคลือบที่ช่วยยืดอายุของ ฝรั่งกิมจู และ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ได้นานถึง 16 วัน โดยยังคงรสชาติและลักษณะทางกายภาพที่ดี
วิธีการนำสารเคลือบไปใช้ สามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่
- การชุบ (Dipping Method) – นำผลไม้ลงไปจุ่มในสารเคลือบแล้วปล่อยให้แห้ง
- การฉีดพ่น (Spraying Method) – ใช้หัวฉีดพ่นสารเคลือบบนพื้นผิวของผลไม้
- การทำให้เกิดฟอง (Foaming Method) – ใช้สารเคลือบที่มีลักษณะเป็นฟอง เพื่อกระจายตัวได้ดีขึ้น
สารเคลือบผิวบริโภคได้ VS วิธีเคลือบผลไม้แบบเดิม
ในอดีต มีการใช้สารเคลือบผิวกับผักผลไม้เพื่อยืดอายุการเก็บรักษามายาวนาน โดยทั่วไปสารเคลือบผลไม้สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- สารเคลือบจากธรรมชาติ เช่น
- ขี้ผึ้ง (Wax Coating): นิยมใช้กับแอปเปิล ส้ม และมะนาว เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำและเพิ่มความเงางาม
- สารละลายน้ำตาลหรือแป้ง: ใช้เคลือบผิวเพื่อป้องกันการเกิดสีน้ำตาลและรักษาความสดของผลไม้
- สารเคลือบจากสารสังเคราะห์ เช่น
- พลาสติกแรปหรือฟิล์มห่ออาหาร (Plastic Film Wraps): ใช้ห่อผลไม้เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและรักษาความชื้น แต่ทำให้เกิดขยะพลาสติกสะสม
- สารเคลือบจากพอลิเมอร์สังเคราะห์: แม้ช่วยยืดอายุผลไม้ได้ดี แต่บางชนิดอาจมีสารเคมีตกค้างที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ข้อดีของสารเคลือบผิวบริโภคได้จาก วว.
- ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์
- ป้องกันการสูญเสียน้ำหนักและคงความกรอบของผลไม้
- ลดการเกิดสีน้ำตาล (Browning) ซึ่งเป็นปัญหาหลักของผลไม้ตัดแต่ง
- ลดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ เช่น เชื้อราและแบคทีเรีย
- ลดขยะพลาสติกจากฟิล์มห่อผลไม้แบบเดิม
- เพิ่มความปลอดภัยและคุณภาพของผลไม้สดตัดแต่งพร้อมบริโภค : โดยลดการปนเปื้อน สามารถช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากแบคทีเรียและเชื้อโรค ช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการและป้องกันการเสื่อมสภาพของสารอาหารได้
- ยืดอายุการเก็บรักษา ลดการเกิดเน่าเสีย ฟิล์มเคลือบที่มีคุณสมบัติป้องกันความชื้นหรือออกซิเจน ช่วยลดการเกิดเชื้อราและการเน่าเสีย ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ป้องกันการสูญเสียน้ำหนักของผลิตภัณฑ์
- ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ฟิล์มเคลือบที่สามารถย่อยสลายได้ (biodegradable coatings) ช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
- เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ การใช้สารเคลือบผิวที่มีลักษณะพิเศษ เช่น ฟิล์มเคลือบที่มีรสชาติหรือกลิ่น สามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์และทำให้มีมูลค่าสูงขึ้นในตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าการนำสารเคลือบผิวที่บริโภคได้ไปใช้ประโยชน์นั้น จะก่อให้เกิดศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยของอาหาร การยืดอายุการเก็บรักษา หรือการส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างเป็นรูปธรรม
สารเคลือบผิวบริโภคได้ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากช่วยลดการใช้พลาสติกและสารเคมีแล้ว ยังช่วยสนับสนุนการบริโภคที่ปลอดภัยและยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพผลไม้ไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจาก ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย วว. ติดต่อได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000 หรือที่ โทร. 0 2579 1121 ต่อ 3101, 3208 ,081 702 8377 อีเมล [email protected] หรือที่ระบบบริการลูกค้า “วว. JUMP”
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :