เนสท์เล่ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “Every Little Act Matters – เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ผ่านแนวคิด ดีต่อคุณและดีต่อโลก (Good for You and Good for the Planet) ที่มุ่งเน้นทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แคมเปญ “Every Little Act Matters” เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักของเนสท์เล่ ภายใต้แนวคิด “Good for You” และ “Good for the Planet” ซึ่งหมายถึงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดขยะพลาสติก และส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนแนวทางการผลิตที่ยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผย บริษัทมุ่งเน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของระบบอาหาร โดยมีเป้าหมายหลัก 4 ด้าน ได้แก่
- การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์: เพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยมีการเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) สำหรับน้ำดื่มมิเนเร่และเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ รวมถึงการพัฒนาแพ็กเกจจิ้งแบบ Mono Structure ที่ทำจากพลาสติกชนิดเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิล นอกจากนี้ ยังลดปริมาณพลาสติกผลิตใหม่โดยใช้ฟิล์มหุ้มบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิล (rPE) พร้อมทั้งสนับสนุนระบบการจัดการขยะผ่านโครงการ “BOTTLE MADE FROM BOTTLES” และโครงการ “Careton กล่องนมรักษ์โลก” เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลและลดขยะบรรจุภัณฑ์ในชุมชน
2. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: ปรับกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมการใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน
ดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต ปัจจุบัน โรงงานทั้ง 8 แห่ง รวมถึงศูนย์กระจายสินค้า ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น การเพาะปลูกกาแฟและการเลี้ยงโคนมด้วยหลักเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซับคาร์บอนในดินและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรม

3.การจัดการขยะอาหาร (Food Waste Management): ลดการสูญเสียอาหารในทุกกระบวนการผลิต รวมถึงการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังผู้ที่ต้องการ
ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบในสายการผลิต นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการกระจายอาหารไปยังผู้ที่ต้องการ เช่น การบริจาคผลิตภัณฑ์ที่ใกล้หมดอายุแต่ยังอยู่ในสภาพดีให้กับองค์กรการกุศล และการนำเศษอาหารไปใช้ประโยชน์ เช่น การแปรรูปเป็นอาหารสัตว์หรือปุ๋ยชีวภาพเพื่อลดขยะอาหารที่ต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
4.การส่งเสริมเกษตรกรรมแบบยั่งยืน: สนับสนุนเกษตรกรให้ใช้วิธีการเพาะปลูกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สนับสนุนเกษตรกรให้ใช้วิธีการเพาะปลูกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านโครงการพัฒนาเกษตรเชิงฟื้นฟู โดยมีการส่งเสริมการปลูกกาแฟโรบัสต้าด้วยแนวทางเกษตรกรรมที่ช่วยรักษาหน้าดิน ลดการใช้สารเคมี และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเกษตรกรโคนมให้ใช้ระบบการจัดการฟาร์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกหญ้าอาหารสัตว์ในพื้นที่ของฟาร์มเพื่อลดการใช้ทรัพยากรภายนอก และการนำมูลโคไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์หรือพลังงานชีวภาพ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรม
“เนสท์เล่ ประเทศไทยจะยังคงดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายต่อไปในปี 2030 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 50% และก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ให้สำเร็จ การดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเราทั้งหมด จะช่วยสร้างคุณค่าร่วมกับผู้คน ชุมชนและโลกของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน และขับเคลื่อนตามหลักการ ESG ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี ตามที่เราได้ยึดมั่นมาตลอดการดำเนินงานในประเทศไทยมากกว่า 130 ปี ตามเจตนารมณ์ในการ “เปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้และในอนาคต”
ร่วมมือกับชุมชนและผู้บริโภคเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
นอกจากการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว เนสท์เล่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับผู้บริโภคและชุมชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างโครงการที่เกิดขึ้น ได้แก่:
- โครงการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาส่งคืนเพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง
- โครงการการศึกษาและให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ในโรงเรียนและชุมชน เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
- กิจกรรมปลูกต้นไม้และอนุรักษ์ป่าไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดปัญหาภาวะโลกร้อน

จากผลสำรวจ Kantar’s Sustainability Sector Index 2023 พบว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ โดยมีผู้บริโภคไทยถึง 76% ที่ให้ความสนใจกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างระหว่างค่านิยมและพฤติกรรมที่แท้จริง แม้ว่า 91% ของผู้บริโภคต้องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน แต่มีเพียง 42% ที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง เนื่องจากยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านเวลา งบประมาณ รสชาติ คุณภาพ และความเพลิดเพลินจากผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้การตัดสินใจเลือกความยั่งยืนยังคงเป็นเรื่องท้าทาย
พลังของการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ตัวเรา
บางครั้งเรายังสงสัยว่า คน ๆ เดียว หรือการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราจะมีความหมายหรือไม่ เนสท์เล่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ดีขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นจากองค์กรเพียงลำพัง แต่เกิดจากพลังของทุกคนที่ร่วมมือกัน แม้ว่าการกระทำเล็ก ๆ อาจดูไม่มีนัยสำคัญ แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดการใช้พลาสติก หรือการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
ทำความรู้จัก “Thai ESG Extra” กองทุนเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ มีอะไรน่าสนใจบ้าง?
ธุรกิจช้างไทย จากโชว์สู่อนุรักษ์ เทรนด์ใหม่ที่ยั่งยืน!