ใกล้วันหยุดพักผ่อนยาวอย่างช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์อีกแล้ว หลายคนวางแผนไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่การไปพักโรงแรม รีสอร์ท ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การเดินทาง อาหารการกิน การใช้ทรัพยากรทั้ง ไฟฟ้า และน้ำ รวมไปถึงขยะจากเศษอาหารจำนวนมหาศาล สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาล
ทราบหรือไม่ว่า? อุตสาหกรรมโรงแรมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก? มีการใช้น้ำมากกว่า 1.3 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เกินกว่าการใช้น้ำในครัวเรือนปกติ 2-3 เท่า นอกจากนี้ยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 150 ล้านตันต่อปี และสร้างขยะมูลฝอยมากกว่า 130 ล้านตันต่อปี การเปลี่ยนโรงแรมให้เป็น ” Green Hotel” ไม่ใช่เพียงเพื่อลดมลพิษเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความที่ยั่งยืนให้ธุรกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
อุตสาหกรรมโรงแรม สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไร?
- โรงแรมทั่วโลกใช้น้ำมากกว่า 1.3 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โรงแรมใช้น้ำมากกว่าครัวเรือนทั่วไปถึง 2-3 เท่า น้ำที่ใช้ในโรงแรมส่วนใหญ่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศ
- ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 150 ล้านตันต่อปี คิดเป็น 1% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทั่วโลก
- สร้างขยะมูลฝอยมากกว่า 130 ล้านตันต่อปี บางส่วนถูกนำไปฝังกลบ ซึ่งส่งผลต่อปัญหามลพิษทางดิน บางส่วนถูกเผา ซึ่งส่งผลต่อปัญหามลพิษทางอากาศ บางส่วนถูกนำไปรีไซเคิล แต่ยังมีปริมาณขยะจำนวนมากที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี
ภาคธุรกิจโรงแรมต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 90% ภายในปี 2050 เพื่อให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ในความตกลงปารีส จึงเป็นเหตุผลที่นำไปสู่การค้นหาโซลูชั่นของ “การจัดการโรงแรมอย่างยั่งยืน”
การเปลี่ยนโรงแรมของคุณให้เป็น Green Hotel เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสู่การลดมลพิษ ประหยัดพลังงาน สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน เรามาเริ่มต้นเดินทางสู่ Green Hotel ร่วมกัน
โรงแรมไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเอเชีย
ปัจจุบันโรงแรมในประเทศไทย การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย รวมทั้งมีจำนวนผู้ประกอบการไทยที่มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero ยังไม่มากนัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่าที่ดำเนินการเรื่องนี้
โดยข้อมูลของ Cornell Hotel Sustainability (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567) พบว่า ค่าเฉลี่ย GHG Emissions ต่อการพักของลูกค้า 1 ห้อง ของโรงแรมในประเทศไทยอยู่ที่ 0.064 ตันคาร์บอน (tCO2e) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโรงแรมในภูมิภาคเอเชียที่มี GHG Emissions 0.057 ตันคาร์บอน หรือเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 0.019 ตันคาร์บอน
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการไทยสนใจดำเนินการเรื่องความยั่งยืน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการวัดผล GHG Emissions และการจัดทำรายงานความยั่งยืน โดยเป็นเพียงเริ่มดำเนินการจากส่วนที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงและทำได้ทันที
โรงแรมไทย พร้อมขนาดไหน?
จากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมราว 400 ราย ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่า
– ผู้ประกอบการกว่า 52.8% มีการปรับตัว เช่น เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน ติดตั้งโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ส่วนกลาง การเปลี่ยน
อุปกรณ์และติดตั้งระบบการประหยัดน้ำ การคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล หรือทำเป็นปุ๋ย รวมทั้งลดการใช้ Single-use Plastic โดยส่วนใหญ่โรงแรมที่เริ่มปรับตัวจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ และโรงแรมที่บริหารโดยเชนจากต่างประเทศ
– ผู้ประกอบการเกือบทั้งหมด (96.5%) ยังขาดความเข้าใจในการวัดผลกระทบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือการจัดทำรายงานความยั่งยืน
– ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการเกือบครึ่ง (43.8%) มีแผนที่จะยกระดับโรงแรมให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ประกอบการที่ยังไม่มีแผนหรือยังไม่แน่ใจมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง เนื่องจากมีความกังวลเรื่องเงินทุน ต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น เนื่องจาก ธุรกิจยังไม่ฟื้นตัวดีจากผลกระทบของโควิด-19 รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของมาตรฐานการวัด
ดังนั้น เพื่อให้โรงแรมในไทยมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน ต้องมีการสนับสนุนอีกมาก โดยเฉพาะภาครัฐควรเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาทิ การจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และกำหนดกฏเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานสากล การออกมาตรการทางภาษีชั่วคราว อย่างการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่มีการลงทุน หรือปรับปรุงโรงแรมที่ช่วยลด GHG Emission ขณะที่ภาครัฐควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพลังงานทางเลือก หรือ พลังงานหมุนเวียนให้ผู้ประกอบการใช้ในต้นทุนที่ถูกลง
ผู้ประกอบการโรงแรม ควรปรับตัวอย่างไร?
โรงแรมที่พักขนาดเล็กถึงขนาดกลางหรือ SME ที่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่แนวทางความยั่งยืน ควรเตรียมงานและลงมือทำดังนี้
- การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนจากหลอดคอมแพ็กต์ฟลูออเรสเซนต์ 8 วัตต์ เป็นหลอดไฟ LED 5 วัตต์, การใช้โซล่าเซลล์ ก่อนเข้าร่วมโครงการอัตราการใช้ไฟฟ้า 20.3 หน่วยต่อปี ลดลงเหลือเพียง 14.4 หน่วยต่อปี
- จัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ภายในโรงแรม ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมและได้รับเครื่องหมายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 50% เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกและซื้อผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ข้าวอินทรีย์ปลอดสารเคมี ข้าวออร์แกนิกจากเกษตรกร วัตถุดิบที่สั่งมาพร้อมใช้เพื่อลดขยะ และเลือกใช้ผักปลอดสารพิษ เป็นต้น
- การจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ รณรงค์ให้ผู้มาใช้บริการ ใช้ผ้าเช็ดตัวผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนซ้ำ รวมไปถึงการติดตามตรวจสอบอุปกรณ์และระบบท่อภายในโรงแรมอย่างต่อเนื่อง เลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ที่มีระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ในการช่วยประหยัดน้ำ
- การจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่าง แนวทางปรับตัว สู่ธุรกิจ ‘ Green Hotel’ ในไทย
ปัจจุบัน แนวคิด ‘Green Tourism’ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมอบความสะดวกสบาย อาหารที่ดีต่อสุขภาพ และความร่มรื่นตามธรรมชาติ แต่ยังช่วยลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โรงแรมตัวอย่างในการปรับตัวสู่ Green Hotel ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นโรงแรมยั่งยืน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไลฟ์สไตล์ Eco-Living การใช้ชีวิตเป็นมิตรกับชุมชนท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่เพียงช่วยประหยัดพลังงาน และทรัพยากร แต่ยังมีส่วนร่วมในการช่วยทะนุถนอมสิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
โรงแรมอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เช่น
- เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า
– ช่วยลดค่าไฟฟ้า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
– ใช้เป็นพลังงานความร้อนในการอบผ้า
- เปลี่ยนขยะอาหารเป็นพลังงานก๊าซชีวภาพ
– นำขยะอาหารจำนวนมาก ผลิตเป็นแก๊สประกอบอาหาร
– กากจากก๊าซชีวภาพและใบไม้ ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ในสวนผัก
- สร้างระบบบ่อบำบัดน้ำเสียแบบครบวงจร
– น้ำที่ใช้ในโรงแรม จะถูกหมุนเวียนกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้ – สนามหญ้า
- จัดทริปท่องเที่ยว โดยแทรกกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
– เช่น เก็บขยะริมชายหาด, ปลูกปะการัง
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
– ใช้ภาชนะใส่อาหารที่ย่อยสลาย หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้
– เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และสุขภัณฑ์ ที่ประหยัดไฟ และน้ำ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า โรงแรมยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัยและสวยงามเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า Green Hotel ที่มุ่งปกป้องสิ่งแวดล้อมและตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกันในการรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันด้วย เพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคต ยังคงมีโอกาสได้ท่องเที่ยวชมความงดงามรอบโลกได้อีกต่อไป
อ้างอิง
https://greenhotelthai.com/th/introduce
https://shorturl.asia/Ogok3
บทความน่าสนใจอื่น ๆ
finbiz by ttb แนะธุรกิจโรงแรมเปลี่ยนสู่ “Green Hotel” รักษ์โลก สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน