กรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมบังคับใช้ข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ในเดือนตุลาคม 2568
โดยจะเพิ่มค่าธรรมเนียมเก็บขยะจาก 20 บาทเป็น 60 บาทต่อเดือนสำหรับบ้านที่ไม่แยกขยะ
ขณะที่บ้านที่เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” และมีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องจะยังคงจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าเดิมที่ 20 บาท
ทำไม กทม. ต้องปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะ?
ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครต้องจัดการขยะมากถึง 10,000 ตันต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณขยะที่สูงมากและส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและงบประมาณของเมือง โดยมีต้นทุนในการจัดเก็บและกำจัดสูงถึง 2,300 บาทต่อตัน ส่งผลให้ภาครัฐต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
การแยกขยะตั้งแต่ต้นทางจะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด ลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐ และส่งเสริมให้ประชาชนมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ การแยกขยะยังช่วยให้ขยะบางประเภทสามารถนำไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์ได้ แทนที่จะถูกนำไปฝังกลบเพียงอย่างเดียว
แนวทางใหม่: บ้านไหนแยกขยะ จ่ายถูกกว่า
เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดขยะ กทม. ได้กำหนด ค่าธรรมเนียมการเก็บขยะใหม่ โดยกำหนดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันระหว่างบ้านที่แยกขยะและบ้านที่ไม่แยกขยะ
- ค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับบ้านที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือ 4 กิโลกรัมต่อวัน
- บ้านที่ไม่คัดแยกขยะ – จ่าย 60 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 30 บาท + ค่ากำจัด 30 บาท)
- บ้านที่คัดแยกขยะ – จ่าย 20 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท)
แยกขยะง่าย ๆ แค่ 4 ประเภท
เพื่อให้การแยกขยะเป็นเรื่องง่ายขึ้น กทม. ได้กำหนดให้ขยะต้องแยกออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่:
- ขยะทั่วไป (ถังสีน้ำเงิน) – เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร ซองขนม กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
- ขยะเศษอาหาร (ถังสีเขียว) – เช่น เศษผักผลไม้ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์
- ขยะรีไซเคิล (ถังสีเหลือง) – เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติก
- ขยะอันตราย (ถังสีส้ม) – เช่น หลอดไฟ ขวดยาฆ่าแมลง ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ ยาหมดอายุ กระป๋องสเปรย์
การเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม”
เพื่อตรวจสอบว่าบ้านใดแยกขยะหรือไม่ กทม. เปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” ผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
โดยมี 4 วิธีให้เลือก ได้แก่
1) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android หรือ
2) ลงทะเบียนด้วยตนเองที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขต ที่ที่พักอาศัยตั้งอยู่ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกข้อมูลเข้าระบบให้
3) ผ่านเว็บไซต์ BKK WASTE PAY bkkwastepay.bangkok.go.th สมัครออนไลน์ได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา
4) ลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียม (Handheld) ที่ให้บริการในพื้นที่ของท่าน
หลังจากลงทะเบียน กทม. จะมีมาตรการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าบ้านที่เข้าร่วมมีการคัดแยกขยะจริง โดยอาจใช้วิธีการสุ่มตรวจสอบ หรือให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจพื้นที่เป็นระยะ หากพบว่าไม่ได้คัดแยกขยะตามเงื่อนไข อาจถูกตัดสิทธิ์จากโครงการ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมขยะในอัตรา 60 บาทต่อเดือนแทน
การเตรียมตัวหลังลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม”
หลังจากลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” แล้ว ผู้เข้าร่วมต้องเตรียมข้อมูลและดำเนินการเพิ่มเติมตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
- รับรหัสประจำบ้าน เมื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ ผู้ลงทะเบียนจะได้รับ รหัสประจำบ้าน ซึ่งเป็นหมายเลขที่ดึงจากทะเบียนบ้าน ใช้เป็นข้อมูลยืนยันตัวตนในระบบ BKK WASTE PAY
- ปักหมุดพิกัดบ้าน ผู้สมัครต้องปักหมุดพิกัดบ้านของตนเองผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY หรือแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อช่วยให้ กทม. สามารถตรวจสอบการแยกขยะได้ง่ายขึ้น
- จัดเตรียมและอัปโหลดหลักฐานการแยกขยะ
- ต้องแสดง รูปภาพการแยกขยะ 4 ประเภท ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย โดยต้องทำอย่างถูกต้องตามที่ กทม. กำหนด
- กทม. จะมีการสุ่มตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ลงทะเบียนปฏิบัติตามเงื่อนไขจริง
หากไม่ร่วมโครงการแยกขยะ จะเกิดอะไรขึ้น?
หากไม่เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” และยังคงทิ้งขยะรวมกันโดยไม่แยกประเภท จะต้องเสียค่าธรรมเนียมจัดเก็บขยะในอัตราใหม่ที่สูงขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่ม 1 (ไซส์ S): บ้าน คอนโด ชุมชน : หากมีขยะไม่เกิน 20 ลิตร หรือ 4 กก. ต่อวัน จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเก็บขยะ 60 บาทต่อเดือนต่อหลัง แต่หากลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและแยกขยะ จะเสียค่าธรรมเนียมเพียง 20 บาทต่อเดือนต่อหลัง เท่านั้น
- กลุ่ม 2 (ไซส์ M): ร้านอาหาร ร้านค้า ออฟฟิศ : หากมีขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (200 กก.) จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อหน่วย (หน่วยละ 20 ลิตร)
- กลุ่ม 3 (ไซส์ L): ห้างสรรพสินค้า ตลาด และสถานประกอบการขนาดใหญ่ : หากมีขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (200 กก.) ต่อวัน จะเสียค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อหน่วย (หน่วยละ 1 ลูกบาศก์เมตร)
สรุป ทิ้งมาก = จ่ายมาก
กทม. ต้องการกระตุ้นให้ประชาชนและสถานประกอบการรับผิดชอบต่อปริมาณขยะของตนเอง
ผู้ที่มีขยะจำนวนมากควร แยกขยะให้ถูกต้อง และส่งไปกำจัดหรือขายเอง เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องให้ กทม. จัดการ
กำหนดการเริ่มต้นของโครงการ
📌 เริ่มลงทะเบียนล่วงหน้า
- สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY ได้ตั้งแต่ 14 มกราคม 2568
📌 เริ่มเก็บข้อมูลระบบ
- เปิดให้ลงทะเบียนผ่านทุกช่องทาง และเริ่มต้นเก็บข้อมูลตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2568
📌 เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่
- เมื่อข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในช่วง ปลายปี 2568 ประชาชนที่ไม่แยกขยะจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราใหม่ทันที
📌 อย่าลืม!
- หากต้องการประหยัดค่าธรรมเนียมและช่วยลดขยะในเมือง ควรเริ่มแยกขยะตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คุ้นชินและพร้อมเมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้จริง
ผลกระทบจากการแยกขยะ – สิ่งที่ประชาชนต้องรู้
การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ประชาชนต้องปรับตัวในเรื่องการจัดการขยะในบ้านของตนเอง โดยหากบ้านใดไม่แยกขยะจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 60 บาทต่อเดือน แต่ในทางกลับกัน บ้านที่แยกขยะจะได้รับประโยชน์โดยจ่ายค่าธรรมเนียมน้อยกว่า และยังช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกนำไปฝังกลบ
แนวทางการจัดการขยะของกรุงเทพฯ ในอนาคต
นอกจากมาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมขยะแล้ว กทม. ยังมีแผนพัฒนาโครงการจัดการขยะอื่น ๆ เช่น: การนำขยะอินทรีย์ไปผลิตปุ๋ยชีวภาพ การส่งเสริมการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ การขยายสถานีแยกขยะในพื้นที่ต่าง ๆ
เปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคต – ลดขยะ สร้างเมืองสะอาด
แม้ว่าการแยกขยะอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางครัวเรือน แต่หากเริ่มต้นฝึกฝนและทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะกลายเป็นนิสัยที่ช่วยให้เมืองสะอาดขึ้น ลดมลพิษ และยังช่วยให้ประชาชนจ่ายค่าธรรมเนียมขยะในอัตราที่ถูกลง “เริ่มที่เรา เปลี่ยนเรา เปลี่ยนเมือง” แยกขยะตั้งแต่วันนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของกรุงเทพฯ และอนาคตของลูกหลานเรา
อ้างอิง :
องค์การบริหารส่วนตำบลปูโยะ – มาแยะขยะก่อนทิ้งกันเถอะ
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
ซัมโปคุ อุทยานชีวภาพ เปิดให้สัมผัสน้ำแร่ ชมชายฝั่ง และตกปลาวิถีโบราณ