สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี (UAE) เปิดตัวโครงการ “วีซ่าสีน้ำเงิน” (Blue Visa) ระยะเวลา 10 ปี สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยเป็นการขยายโครงการวีซ่าถิ่นที่อยู่สีทอง (Golden Residency) และสีเขียว (Green Residency) ที่เปิดตัวก่อนหน้า โดยกระทรวงฯ เผย นักคิดและนักนวัตกรรมด้านความยั่งยืนจำนวน 20 คนจะได้รับ Blue Visa ในเฟสนี้
‘วีซ่าสีน้ำเงิน’ ของยูเออีคืออะไร?
Blue Visa เป็นวีซ่าถิ่นที่อยู่ระยะยาว 10 ปี ออกแบบมาสำหรับบุคคลที่มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่โดดเด่น ทั้งภายในและนอก UAE
วีซ่านี้จะออกให้แก่ผู้สนับสนุนการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมสมาชิกขององค์กรและบริษัทระหว่างประเทศ สมาชิกของสมาคมและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

เหตุผลที่เปิดตัววีซ่าสีน้ำเงิน
การเปิดตัวโครงการ Blue Visa นี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของUAE ในด้านความยั่งยืน เฟสแรกของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดย ICP จะอนุญาตให้ได้รับอนุมัติอิเล็กทรอนิกส์ผ่านการสมัครที่ส่งโดยหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนความยั่งยืน ตามขั้นตอนที่ได้รับการอนุมัติบนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ทั้งนี้ Blue Visa เป็นการขยายโครงการวีซ่าถิ่นที่อยู่สีทอง (Golden Residency) และสีเขียว (Green Residency) ที่เปิดตัวก่อนหน้า
โดย ดร. Amna Bint Abdullah Al Dahak รัฐมนตรีกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของUAE ในการเสริมสร้างตำแหน่งผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืนผ่านโครงการและความคิดริเริ่มใหม่ ๆ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำยูเออีที่ต้องการดึงดูดนักคิด นักนวัตกรรม และบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน ทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับโครงการนี้ มีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ในการบรรลุเป้าหมายระดับชาติที่ทะเยอทะยาน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนของUAE และโลก และยังชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของผู้สนับสนุนความยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายระดับชาติที่ทะเยอทะยาน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนUAE และโลกส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โครงการวีซ่าสีน้ำเงินของ UAE มีส่วนช่วยในการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยการดึงดูดบุคคลที่มีศักยภาพสูง (talent) ระดับโลก และส่งเสริมนวัตกรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมนำเสนอแนวคิดและความเชี่ยวชาญใหม่ๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน สิ่งนี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและงานใหม่ๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจของยูเออีเติบโต ส่งเสริมความมุ่งมั่นในระยะยาว ด้วยการมอบสิทธิ์การอยู่อาศัย 10 ปี กระตุ้นให้
ผู้เชี่ยวชาญมุ่งมั่นทำงานใน UAE อย่างยาวนาน ความมั่นคงนี้ช่วยให้บุคคลสามารถทุ่มเทเวลาและทรัพยากรให้กับโครงการที่มีผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผู้อยู่อาศัยระยะยาวมีแนวโน้มที่จะสร้างเครือข่ายและความร่วมมือทางวิชาชีพที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างตำแหน่งประเทศในฐานะศูนย์กลางด้านความยั่งยืน อีกทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ UAE 2021 วาระแห่งชาติซึ่งมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน โดยการดึงดูดบุคคลที่ทุ่มเทให้กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม UAE กำลังลงทุนในอนาคตที่ความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาผลกระทบของวีซ่าสีน้ำเงิน (Blue Visa)
ผลดีต่อประเทศไทย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า โครงการวีซ่าสีน้ำเงินส่งผลดีต่อประเทศไทยหลายด้าน ทั้งการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรม เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนจากประเทศไทยอาจได้รับโอกาสไปทำงานหรือศึกษาดูงานใน UAE ผ่านโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กลับมาพัฒนาประเทศไทย
การแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรม
ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนจากประเทศไทยอาจได้รับโอกาสไปทำงานหรือศึกษาดูงานใน UAE ผ่าน Blue Visa ซึ่งจะช่วยนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กลับมาพัฒนาประเทศไทย
การเชื่อมโยงด้านความยั่งยืนอาจเปิดโอกาสให้ไทยได้รับความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยจากUAE การส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก
หากมีคนไทยได้รับ Blue Visa จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
โอกาสทางเศรษฐกิจ
การที่ UAE เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนของโลก อาจช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทไทยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสีเขียวหรือพลังงานสะอาดได้ขยายตลาดไปยัง UAE และภูมิภาคตะวันออกกลาง
การสร้างเครือข่ายระดับโลก
บุคคลไทยที่ได้รับ Blue Visa จะได้สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญและองค์กรระดับโลก ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Blue Visa เพื่อความยั่งยืนของUAE เป็นโครงการที่ก้าวล้ำและสะท้อนถึงความทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับผู้เชี่ยวชาญหรือผู้สนับสนุนด้านความยั่งยืน วีซ่านี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการมีส่วนร่วมในวิสัยทัศน์ พร้อมกับได้รับประโยชน์จากการอยู่อาศัยระยะยาว
ในส่วนของประเทศไทย Blue Visa มีทั้งผลดีและผลเสียต่อประเทศไทย ในด้านบวกโครงการนี้สามารถสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรม รวมถึงเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถและพัฒนาศักยภาพด้านความยั่งยืนให้แข่งขันได้ในระดับสากล
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการ Blue Visa ประเทศไทยควรส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านความยั่งยืนภายในประเทศ พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับUAE และประเทศอื่นๆ ในการขับเคลื่อนเป้าหมาย ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนร่วมกัน
อ้างอิง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
https://www.ditp.go.th/post/197349
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วีซ่าสีน้ำเงิน การประชุมสุดยอดรัฐบาลโลก 2025
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดูไบ ไอเดียล้ำ! พลิกโฉมทางหลวงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก ผุดสวนสีเขียวแนวตั้งทั่วทั้งเมือง