อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตควบคู่กับบริการเดินทางร่วม (Ride-sharing) โดยปี 2024 เติบโตพุ่ง สะท้อนบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนผ่านแนวโน้มการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุด โบลท์ (Bolt) ผู้ให้บริการเรียกรถระดับโลก ได้ประกาศสถิติสำคัญว่าอัตราการเดินทางไปสนามบินทั่วประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท เติบโตขึ้นถึง 103% ในปี 2024 การเติบโตครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่าการเดินทางร่วมกัน (Ride-sharing) กลายเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมขนส่งและการท่องเที่ยว
การเดินทางร่วมกัน
เคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
การเติบโตของบริการเรียกรถสอดคล้องกับภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และมีความยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้ความสำคัญมากขึ้น ข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่า ตลาดการเดินทางร่วม (Ride-sharing) ในประเทศไทยจะสร้างรายได้สูงถึง 4 แสนล้านบาทภายในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ตลาดการแชร์จักรยาน (Bike-sharing) เพียงอย่างเดียว ยังมีแนวโน้มสร้างรายได้มากถึง 4.16 ล้านล้านบาทภายในปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการเดินทางที่มุ่งสู่ความสะดวกและความยั่งยืนมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริการเรียกรถได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นคือ ความสามารถในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างระบบขนส่งสาธารณะแบบเดิมและไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ โดยเฉพาะนักเดินทางที่ต้องการตัวเลือกที่ช่วยให้พวกเขาประหยัดเวลาในการเดินทางจากสนามบินไปยังที่พัก หรือจากที่พักไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
Ride-sharing
สู่บทบาทหลักของระบบขนส่ง
Ride-sharing หรือบริการเดินทางร่วมกัน คือการเรียกรถผ่านแอปฯ อย่าง Bolt, Grab หรือ Uber ที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น ประหยัดขึ้น และไม่ต้องวุ่นวายกับการขับรถเอง ประโยชน์ที่ได้เพราะยิ่งมีคนใช้บริการมากขึ้น ก็ยิ่งช่วย ลดจำนวนรถบนถนน ลดปัญหารถติด และลด มลพิษทางอากาศ จากควันรถยนต์ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมระบบขนส่งสาธารณะให้คล่องตัวขึ้น เพราะผู้ใช้สามารถนั่ง Ride-sharing ไปต่อรถไฟฟ้า สนามบิน หรือจุดที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึงได้ง่ายขึ้น
การเติบโตของโบลท์ในตลาดไทยเป็นเครื่องยืนยันว่า Ride-sharing ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเดินทางในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการทางเลือกที่สะดวก ปลอดภัย และยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะที่เมืองใหญ่ต้องการโซลูชันที่ช่วยลดปัญหาจราจร และส่งเสริมการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ
ณัฐดล สุขศิริตานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โบลท์ ประเทศไทย กล่าวว่าการเดินทางร่วมกัน (Ride-sharing) ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้บริการมีตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกขึ้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการลดปัญหาการจราจร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และช่วยให้เมืองมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โบลท์เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันด้านการเดินทางที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก ความปลอดภัย และความยั่งยืน
“โบลท์มุ่งมั่นทำให้เมืองเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยการนำเสนอทางเลือกที่ช่วยลดภาระของการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัว พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้ระบบขนส่งมีความยั่งยืนมากขึ้น”
Bolt Business
ฟีเจอร์จองรถล่วงหน้า 90 วัน
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โบลท์ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทาง โดยหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การจองรถล่วงหน้าได้นานถึง 90 วัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจ
ฟีเจอร์นี้เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ใช้บริการซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการเดินทางของพนักงานหรือแขกผู้เข้าร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้งานของฟีเจอร์นี้ ได้แก่
- การจองรถเพื่อเดินทางไปประชุมหรืออีเวนต์สำคัญ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น
- การจัดรถรับ-ส่งแขกของบริษัท หรือวิทยากรที่เดินทางมาร่วมงานสัมมนา
- การอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น โรงแรม หรือบริษัทนำเที่ยว ที่ต้องการจองรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังสนามบินล่วงหน้า
อนาคตของอุตสาหกรรมขนส่งไทยกำลังเดินหน้าไปสู่โมเดลที่ผสมผสานระหว่างขนส่งสาธารณะและบริการ Ride-sharing มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางในเมืองและระหว่างเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น โบลท์เองก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการที่ตอบโจทย์นักเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
