เสื้อผ้าเก่าแล้วไปไหนต่อ “RE.UNIQLO Studio” ช่วยขยะเป็นศูนย์ ควบคู่พฤติกรรมคนไทยชอบแฟชั่น

เสื้อผ้าเก่าแล้วไปไหนต่อ “RE.UNIQLO Studio” ช่วยขยะเป็นศูนย์ ควบคู่พฤติกรรมคนไทยชอบแฟชั่น

ยูนิโคล่ ไทยแลนด์ (Uniqlo thailand) ตอกย้ำพันธกิจ The Heart of LifeWear นำเสื้อผ้าเก่ากลับมาชุบชีวิตใหม่ ณ RE.UNIQLO Studio  มุ่งมั่นลดขยะเป็นศูนย์ จากการบริหารซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ วางแผนความยั่งยืนครบตั้งแต่เสื้อผ้า จนถึงฝุ่น  PM.2.5 พร้อมเปิดรับบริจาคเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นในปี 68

 

UNIQLO ตอกย้ำพันธกิจ The Heart of LifeWear เป็นโครงการระดับโลกครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ยูนิโคล่ตั้งคำถามว่า ‘What makes life better?’ หรือ ‘อะไรที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น?’ โดยนำเสื้อผ้าเก่ากลับมาชุบชีวิตใหม่ เพื่อลดขยะและส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืน 

ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดโอกาสให้ลูกค้านำเสื้อผ้ามาซ่อมแซมและปรับโฉมใหม่ด้วยลวดลายการ์ตูนน่ารักกว่า 80 แบบ หรือเทคนิคซาชิโกะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

ขณะเดียวกัน UNIQLO ยังมุ่งมั่นพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบหมุนเวียน โดยให้ความสำคัญกับแนวคิด 3R คือ การลด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการรีไซเคิล (Recycle) เพื่อยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าอย่างยั่งยืน และตอบโจทย์พฤติกรรมชอบอะไรใหม่ ๆ ของคนไทย

 

 

-นำเสื้อผ้าเก่ากลับมาชุบชีวิตใหม่

สำหรับโครงการ RE.UNIQLO Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แห่งเดียวในประเทศไทย เป็นช้อปที่ให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าจากบริการ 4 รูปแบบ ได้แก่

  1. Repair – ซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยความพิถีพิถัน เช่น เย็บรู, ซ่อมรอยขาด, ปะรูด้วยเศษผ้า, ซ่อมตะเข็บรุ่ย และเปลี่ยนกระดุม
  2. Remake – ปรับแต่งเสื้อผ้าให้มีสไตล์ใหม่ หรือออกแบบตามความต้องการของลูกค้า
  3. Reuse – รวบรวมเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วและนำไปบริจาคให้ผู้ที่ขาดแคลน
  4. Recycle – เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วให้กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเสื้อผ้าใหม่ หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน

ยูนิโคล่เข้าใจพฤติกรรมคนไทยนักช้อป ที่มักนิยมอัพเดทเสื้อผ้าในตู้ใหม่อยู่เสมอ การนำกลับมาสร้างสรรค์ใหม่หรือบริจาคให้คนถัดไป ซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าของเสื้อผ้าและมีส่วนช่วยสังคม รวมถึงลดขยะก่อนความจำเป็นให้ได้มากที่สุด 

 

-ตั้งเป้าเปิดรับบริจาคเสื้อผ้า 160,000 ตัว

มร.โยชิทาเกะ วาคากุระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เผยถึงแนวคิดการเปิดรับบริจาคเสื้อผ้าโดยในปี 2567 ที่ผ่านมาได้รับบริจาคเสื้อผ้าทั้งหมด 122,835 ตัว  (เพิ่มขึ้นกว่า 130% จากปี 2566) โดยมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กกว่า 15,847 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 158.2% จากปี 2566) สอดคล้องกับตามความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ ซึ่งมีเยาวชนอยู่จำนวนมาก

“ในด้านความยั่งยืน บริษัทตั้งเป้าลดขยะและส่งเสริมการใช้ซ้ำผ่านโครงการ RE.UNIQLO Warmth for All โดยรับบริจาคเสื้อผ้า 160,000 ตัว ในปี 2568  โดยเฉพาะเสื้อผ้าเด็กที่มีความต้องการเป็นอย่างมาก โดยไม่จำกัดแบรนด์ยี่ห้อที่นำมาบริจาค”

 

ยั่งยืนครบตั้งแต่เสื้อผ้า จนถึงฝุ่น  PM.2.5

บริษัทแม่ของ UNIQLO บริหารซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมคุณภาพ การผลิต สิ่งแวดล้อม และสิทธิแรงงานได้โดยตรง

เช่น การบริจาคเงิน 1 ล้านบาทจากการขายถุงกระดาษให้มูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ และจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้เยาวชนรวมถึงมุ่งสร้างโอกาสการจ้างงานที่เท่าเทียม โดยเพิ่มจำนวนพนักงานผู้พิการจาก 28 คน เป็น 33 คนในปี 2568

เดินหน้าสู่ Zero Waste (ขยะเป็นศูนย์) ด้วยการลดการใช้พลาสติกในการขนส่งลง 25% และรณรงค์ให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้แทนถุงกระดาษ พร้อมใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกสาขาและสำนักงานใหญ่ 

ซึ่งมลพิษฝุ่น PM.2.5 ทวีรุนแรงหนักขึ้นในแต่ละปี ยูนิโคล่จึงวางแผนสร้างความตระหนักรู้สำหรับเยาวชนไทยอีกด้วย

มร.โยชิทาเกะ วาคากุระ กล่าวเสริม โปรเจกต์ทางด้าน  PM.2.5 คือการให้ความรู้แก่คนหนุ่มสาว เพราะจากการไปศึกษาในพื้นที่ต่างจังหวัด พบว่ามีผู้คนขาดความรู้ความเข้าใจ และทำต่อไปเรื่อยๆ ตามใดที่ฝุ่น PM ยังคงมีอยู่ เพราะไม่อยากคิดว่านี้คือโปรเจกต์ทำแล้วจบไป

 

อ่านบทความเพิ่มเติม :