นอร์เวย์ทำได้! เตรียมขึ้นแท่นประเทศแรกของโลก ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทั้งประเทศ

นอร์เวย์ทำได้! เตรียมขึ้นแท่นประเทศแรกของโลก ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทั้งประเทศ

นอร์เวย์ เตรียมเป็นประเทศแรก ใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” 100% ทั่วประเทศ  หลังรถ EV ใหม่ในตลาดสูงถึง 96% แม้จะมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำรองอยู่มากมาย เผยไม่ห้ามขายรถยนต์สันดาป แต่เพิ่มภาษีและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสูงขึ้น

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกของปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนมากกว่า 96% ของรถยนต์ใหม่ที่ขายในนอร์เวย์ ซึ่งทำให้ประเทศสามารถเข้าถึงเป้าหมายที่ไม่ผูกมัดในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบได้

 


สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นอร์เวย์ เตรียมเป็นประเทศแรกในโลก ที่สามารถกำจัดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลออกจากตลาดรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศนอร์ดิกแห่งนี้ได้พัฒนาอย่างโดดเด่นในด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงจากไม่ถึง 1% ในปี 2010 เป็น 88.9% เมื่อปีที่แล้ว ที่น่าสนใจคือ แนวโน้มนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกของปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นกว่า 96% ของรถยนต์ใหม่ที่ขายในนอร์เวย์ ทำให้ประเทศนี้บรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด เป้าหมายนี้ได้รับการกำหนดขึ้นครั้งแรกโดยสมาชิกรัฐสภาในปี 2017

 

ด้าน คริสตินา บู เลขาธิการสมาคมยานยนต์ไฟฟ้านอร์เวย์ คาดว่านอร์เวย์จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ และกำลังวางแผนจัดงานเฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ผ่านวิดีโอคอล บู กล่าวว่า เราได้เชิญนักการเมืองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ มากมายไปงานฉลองในวันที่ 13 กุมภาพันธ์แล้ว เพราะเราไม่ทราบแน่ชัดจนกว่าปีนี้จะสิ้นสุดลง แต่ทุกคนบอกว่าปีนี้จะสิ้นสุดลงที่ประมาณ 95% ถึง 100% ดังนั้น ในช่วงเวลาเช่นนี้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงด้านสภาพอากาศและทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องเฉลิมฉลองความสำเร็จที่เราทำได้

 

ทั้งนี้ ตามที่รองรัฐมนตรีคมนาคมของนอร์เวย์ Cecilie Knibe Kroglund กล่าว นโยบายระยะยาวและสอดคล้องกันที่มุ่งส่งเสริมการนำรถยนต์ ไฟฟ้ามีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศมากกว่าการบังคับใช้มาตรการห้ามใช้ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน

 

 

กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากนโยบายหลัก 3 ข้อ ดังนี้

1. รัฐบาลนอร์เวย์ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ประชาชนเข้าถึงง่ายกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยการงดเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และสนับสนุน แรงจูงใจ ด้านรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนำเข้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงส่วนลดค่าถนนและค่าจอดรถ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ลงทุนอย่างมากในโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ ทำให้ครัวเรือนสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ได้อย่างสะดวกสบาย

2. รัฐบาลไม่ห้ามใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป แต่เพิ่มภาษีและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสูงขึ้น โดยนอร์เวย์ยังอนุญาตให้ขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เลือกซื้อรถยนต์เหล่านี้ จากนั้นรัฐค่อย ๆ ขึ้นภาษีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล จนรถเหล่านี้มีราคาแพงมาก ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับการยกเว้นภาษี


Cr. ภาพ https://spacebar.th/

 

3. เพิ่มสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ปัจจุบันปั๊มน้ำมันในนอร์เวย์หลายแห่งถูกเปลี่ยนเป็นสถานีชาร์จรถไฟฟ้า และเพิ่มสถานีชาร์จสาธารณะมากกว่า 27,000 แห่งทั่วนอร์เวย์ นั่นหมายความว่านอร์เวย์มีสถานีชาร์จ 447 แห่งต่อประชากร 100,000 คน เมื่อเทียบกับ 73,699 แห่งในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 12 เท่า แสดงให้เห็นว่าสหราชอาณาจักรมีเพียง 89 แห่งต่อประชากร 100,000 คนเท่านั้น

เซซีลี คนิเบ โครกลันด์ กล่าวเสริมว่า นอร์เวย์กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่รถโดยสารประจำทางไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในปี 2025 และทำให้รถบรรทุกหนักใช้พลังงานหมุนเวียน 75% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ด้วย

 


Cr. ภาพ https://spacebar.th/

 

อัตราการนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ

จากข้อมูลของ World Resources Institute ที่เผยแพร่ในปี 2023 พบว่า 5 ประเทศที่มีส่วนแบ่งการขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด ได้แก่ นอร์เวย์ (รถยนต์ไฟฟ้าล้วนคิดเป็น 80% ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2022) ไอซ์แลนด์ (41%) สวีเดน (32%) เนเธอร์แลนด์ (24%) และจีน (22%) ขณะที่ตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดอีกสองแห่ง ได้แก่ สหภาพยุโรป (12%) และสหรัฐอเมริกา (6%) มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงแต่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของนอร์เวย์เมื่อปี 2023 ได้แก่ Tesla, VW และ Toyota ส่วนแบรนด์รถยนต์ของจีน เช่น MG, BYD, Polestar และ XPeng ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 10% ตามข้อมูลของ OFV ทั้งนี้นอร์เวย์ไม่ได้เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ซึ่งต่างจากสหรัฐและสหภาพยุโรปที่ตั้งกำแพงภาษี

 

 

นอร์เวย์ สะท้อนให้เห็นว่า การจะเปลี่ยนผ่าน (Transition) ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำด้วยรถยนต์ไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จได้ ภาครัฐต้องมีนโยบายที่ชัดเจน มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย การสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสมและการจัดการความวิตกกังวลของประชาชน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เป้าหมายที่หลายคนอาจมองว่า เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นจริงได้ ดั่งเช่นที่นอร์เวย์ลงมือทำให้เห็นเป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง
https://www.cnbctv18.com/auto/norway-to-soon-go-all-electric-know-ev-adoption-rate-in-other-nations-19547569.htm
https://www.bloomberg.com/features/2024-ev-market-norway/
https://time.com/6133180/norway-electric-vehicles/