ครม.เห็นชอบ แนวทางยกเลิกจัดเก็บค่าธรรมเนียมอนุมัติใบอนุญาต บิ๊กตู่ สั่ง ส่วนราชการ ยกเครื่องระบบหันมาใช้ สำเนาอิเล็กทรอนิกส์แทน ให้เวลา 3 เดือนนำกลับมาเสนอ ครม.ใหม่ หวังลดต้นทุนภาครัฐ และ ส่งผลดีต่อธุรกิจในประเทศ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวานนี้(2ม.ค.63) ว่า ครม.เห็นชอบการปรับปรุงระเบียบ ระบบราชการ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)เสนอ เพื่อให้ครม.พิจารณาเห็นชอบแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าทำเนียมอนุมัติ อนุญาตของทางราชการ ซึ่งปัจจุบันนี้มีใบอนุญาต 2,115 ใบอนุญาตที่ประชาชนต้องขอ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะมีประมาณ 466 ใบที่จะมีการเก็บค่าทำเนียมในราคาที่ถูกมากไม่เกิน 100 บาท
ทั้งนี้ก.พ.ร.เห็นว่าในเมื่อเราก้าวเข้าสู่การปฏิรูประบบราชการและผลักดันในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายบางตัวอาจไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะมีการใช้ทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น หรือบางเรื่องการเก็บค่าทำเนียมเป็นต้นทุนกับภาครัฐ โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปประชาชน ไปขอข้อมูลหรือรับบริการจากส่วนราชการ ไม่ต้องมีสำเนาเอกสาร ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็เพียงพอ ถือเป็นผลงานของระบบปฏิรูปราชการ
ฉะนั้นจึงเสนอมาว่าอะไรที่จะเป็นการยกระดับการทำงานของส่วนราชการ ทางก.พ.ร.จึงเสนอแนวทางหลายประเด็น คือ การขอใบคำขอและใบแทน ถ้าเป็นกรณีการจัดเก็บต้นทุนการดำเนินการมากกว่ารายได้ของการจัดเก็บ ทางก.พ.ร.จึงเสนอให้พิจารณายกเลิก เนื่องจากไม่คุ้มค่าต่อการดำเนินงานของรัฐ
ส่วนเรื่องของใบอนุญาตก็เช่นเดียวกัน ถ้าต้นทุนในการดำเนินการมากกว่าการจัดเก็บก็เสนอให้พิจารณายกเลิกเช่นกัน หรือทบทวนขั้นตอนการให้บริการ และในส่วนใบอนุญาตถ้าเป็นประเภทขอใบอนุญาตก็ให้เป็นใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับใบอนุมัติ การรับรองการจดทะเบียน การรับแจ้งและการตรวจสอบ
ส่วนเรื่องใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับด้านจริยธรรม เช่น ขออนุญาตสุรา ยาสูบ การพนัน ตรงนี้ไม่ยกเลิกจะต้องมีการเก็บเหมือนเดิมเพราะเป็นแหล่งรายได้ และถือว่าเป็นกิจการที่จะต้องควบคุม เพราะฉะนั้นขอเสนอให้ส่วนราชการไปพิจารณาว่าอะไรที่ยกเลิกการเก็บได้ก็ให้กับมานำเสนอครม.ทราบภายใน 3 เดือน
” ทั้งนี้ นายกฯกำชับในเรื่องนี้ เพราะถ้าเรายกระดับและยกเครื่องระบบราชการได้ทั้งหมดก็จะเป็นผลดีและง่ายต่อการทำธุรกิจในประเทศไทย เวลาจัดอันดับเราจะได้อยู่ในอันดับที่ดี” น.ส.รัชดากล่าว
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
