ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ

“ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ” เป็นแนวทางที่ช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบันด้วยความตระหนักรู้ ลดความเครียดและเพิ่มความสุขในชีวิต ด้วยการฝึกฝนสติผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการยอมรับสิ่งที่เป็น สู่ความสมดุลและความสงบภายในที่แท้จริง

 

 

 

 

 

โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร

Co-Founder IDGs Asia Pacific Innovation Center -Leadership Hub Thailand CEO University of Happiness

 

ผู้แต่งหนังสือขายดี : 

ศาสตร์ผู้นำสู่ความยั่งยืน, เหนือกว่ากำไร, 

Well-Being Leader,  DNA Of Leadership Happiness

 

The Art of Mindfulness living

 

The Art of Mindful Living หรือ ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่มุ่งเน้นการใช้ “สติ” หรือการตั้งใจรับรู้และตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ โดยไม่ตัดสินหรือยึดติดกับความคิดหรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ การใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงความรู้สึกหรือความคิด แต่คือการรับรู้และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้เรามีความสงบภายในและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความสมดุลและไม่ใช้อารมณ์เป็นหลัก

 

 

ประโยชน์ของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ

-ลดความเครียด: การมีสติช่วยให้เราปล่อยวางจากความเครียดและความกังวล โดยการอยู่ในปัจจุบันและไม่หมกมุ่นกับอดีตหรืออนาคต

-เพิ่มความสุข: เมื่อเรามีสติ เราจะสามารถสัมผัสและรับรู้ความสุขที่มีอยู่ในชีวิตได้ดีขึ้น ทั้งจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และจากความสัมพันธ์กับผู้อื่น

-เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี: การฝึกสติช่วยให้เราเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น เข้าใจผู้อื่น และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ

-พัฒนาความสามารถในการตัดสินใจ: เมื่อเราไม่หลงระเริงในอารมณ์หรือความคิดที่มุ่งหวัง เราจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติและมีเหตุผล

 

 

 

หลักการพื้นฐานของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ (Mindfulness)

การใช้ชีวิตอย่างมีสติสามารถทำได้ในหลากหลายวิธี แต่โดยหลักแล้วจะประกอบด้วยแนวคิดและการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้:

 

  1. การตระหนักรู้ในปัจจุบัน (Present Moment Awareness)

การใช้ชีวิตอย่างมีสติเริ่มต้นจากการให้ความสำคัญกับ “ขณะนี้” หรือ “ตอนนี้” แทนการหมกมุ่นอยู่กับอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต เราจะตั้งใจรับรู้และสัมผัสทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การเคลื่อนไหว หรือแม้แต่การรู้สึกทางร่างกายหรือจิตใจ

ตัวอย่างการฝึก: การนั่งสมาธิหรือการฝึกหายใจอย่างมีสติ เช่น เมื่อหายใจเข้าและออก เราจะให้ความสนใจในลมหายใจที่ผ่านเข้ามาและออกไป โดยไม่คิดไปไกลหรือจับต้องกับความคิด

 

  1. การไม่ตัดสิน (Non-judgmental Awareness)

หนึ่งในแนวคิดสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีสติคือการไม่ตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือการไม่แยกแยะว่าเป็นสิ่ง “ดี” หรือ “ไม่ดี” เมื่อเรารับรู้สิ่งต่างๆ เราจะรับมันไว้โดยไม่ให้ความคิดหรือความเชื่อของเราเข้ามากำหนดว่าเราควรจะรู้สึกอย่างไร

ตัวอย่างการฝึก: เมื่อเราเกิดความรู้สึกไม่ดี เช่น ความโกรธหรือความเครียด เราจะไม่ตัดสินตนเองว่า “โกรธเกินไป” หรือ “ไม่ดี” แต่เพียงแค่รับรู้ว่าเรากำลังรู้สึกแบบนั้น และให้โอกาสตนเองในการรู้สึกอย่างเต็มที่

 

  1. การมีความกรุณาต่อตนเองและผู้อื่น (Self-compassion and Compassion for Others)

การใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ได้เพียงแค่การรับรู้ภายใน แต่ยังรวมถึงการแสดงออกถึงความกรุณาและความเข้าใจต่อความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น ซึ่งการมีสติจะช่วยให้เรามีความตระหนักรู้ในความรู้สึกและความต้องการของคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างการฝึก: เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัวประสบปัญหา เราสามารถแสดงออกถึงความเอื้อเฟื้อและการรับฟังด้วยความเข้าใจ หรือเมื่อเรามีความผิดพลาด เราให้ความเมตตาต่อความผิดพลาดของตัวเอง โดยไม่โทษตัวเองจนเกินไป

 

  1. การยอมรับสิ่งที่เป็น (Acceptance of What Is)

การใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่คือการยอมรับและเข้าใจว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน การยอมรับสิ่งที่เป็นจะทำให้เราสามารถปล่อยวางและลดความตึงเครียดจากการต่อต้านสิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้

ตัวอย่างการฝึก: หากเราเจออุปสรรคหรือปัญหาในชีวิต การยอมรับมันอย่างมีสติ คือการเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลว แต่คือการเรียนรู้และเติบโตจากมัน

 

  1. การอยู่กับอารมณ์ (Emotional Awareness and Regulation)

การใช้ชีวิตอย่างมีสติทำให้เราเข้าใจและรู้จักอารมณ์ของตัวเอง เราจะไม่หลงระเริงในอารมณ์หรือปล่อยให้มันควบคุมชีวิต แต่จะรับรู้และยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะตอบสนองอย่างสมดุล

ตัวอย่างการฝึก: หากเรารู้สึกโกรธหรือเครียด เราจะหยุดและสังเกตความรู้สึกนั้น แทนที่จะแสดงออกด้วยการระเบิดอารมณ์ เราจะใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการเปลี่ยนมุมมองเพื่อจัดการกับอารมณ์นั้นอย่างมีสติ

 

 

 

วิธีฝึก “ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ”

-ฝึกการหายใจอย่างมีสติ

การหายใจเป็นวิธีพื้นฐานในการฝึกสติ เพราะเป็นสิ่งที่เราทำทุกวันโดยไม่คิด แต่การตั้งใจหายใจลึกๆ และสังเกตการเคลื่อนไหวของลมหายใจจะช่วยให้เราตระหนักถึงปัจจุบันได้มากขึ้น

 

-ฝึกหายใจช้าๆ ด้วยการตั้งใจว่า “หายใจเข้า… หายใจออก…” ลึกๆ ทุกครั้งที่คุณรู้สึกเครียดหรือเหนื่อย

-การทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมีสติ (Mindful Practice)

ทุกกิจกรรมสามารถกลายเป็นการฝึกสติได้ เช่น การเดิน การกิน หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดบ้าน แค่เพียง

-การให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำในขณะนั้นจะช่วยให้เราอยู่ในปัจจุบันและลดความเครียด

-การกินอาหารอย่างมีสติ: แทนที่จะกินแบบเร่งรีบ ให้ใช้เวลาสังเกตสี, รสชาติ, และเนื้อสัมผัสของอาหารในแต่ละคำ

-การฝึกสติในความสัมพันธ์

การใช้ชีวิตอย่างมีสติสามารถทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เพราะเราจะเป็นผู้ฟังที่ดีและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น

-ฝึกการฟังอย่างมีสติ: ตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด โดยไม่ขัดจังหวะหรือคิดอะไรระหว่างการฟัง

-การฝึกสมาธิ

การนั่งสมาธิเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการฝึกการมีสติ เพราะจะช่วยให้เราเรียนรู้การตั้งใจอยู่กับความรู้สึกในขณะนั้น และฝึกการไม่ยึดติดกับความคิด

ฝึกสมาธิทุกวัน 5-10 นาที โดยไม่คิดถึงสิ่งอื่นนอกจากการหายใจและความรู้สึกในปัจจุบัน

-การฝึกการยอมรับ (Acceptance)

ฝึกการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงหรือปฏิเสธมัน ซึ่งจะช่วยให้เราปล่อยวางและลดความเครียด

-ทุกครั้งที่เกิดความเครียดหรือความไม่พอใจ ให้ถามตัวเองว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว… ฉันสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้?”

 

สรุป

ศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือการฝึกให้เราตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันโดยไม่ตัดสินหรือติดยึดกับความคิดและอารมณ์ การฝึกสติจะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ลดความเครียด และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น การฝึกสติไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มจากการฝึกในกิจกรรมประจำวันและค่อยๆ พัฒนาความสามารถในการรับรู้และอยู่ในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่.