สภากาดชาดไทย ชวนเที่ยวงานกาชาดปี 2567 สวนลุมพินี ย้อนวันวาน 101 ปี มนต์เสน่ห์มหรสพรื่นเริง เพื่อการกุศล รายได้จากงานนำไปบรรเทาทุกข์บำรุงสุข ประชาชนทั่วไทย ภารกิจเพื่อมนุษยธรรม
งานกาชาดถือเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อหารายได้เข้าบำรุงสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลระดับชาติที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทั้งเรื่องการรักษาโรคภัย การเข้าถึงระบบสาธารณสุขและการแพทย์ต่าง ๆ
โดยรายได้หลักของสภากาชาดมาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา และการจัดกิจกรรมหารายได้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน
หนึ่งในช่องทางสร้างรายได้มาจากการจัดงานกาชาด ที่ชักชวนหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมจำหน่ายสินค้า จัดกิจกรรมเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่ละปีมักจะมีไฮไลต์สำคัญ ๆ ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการสืบสานอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงาม เฉกเช่นเดียวกับปี 2567 นี้ที่งานกาชาดกำลังจะจัดขึ้นเป็นปีที่ 101 ภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ จัดเต็ม 12 วัน ระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม 2567
ย้อนวันวานงานกาชาด
งานกาชาดที่สภากาชาดจัดขึ้นครั้งแรกเกิดขึ้นปี พ.ศ.2466 เป็นงานมหรสพการกุศล สมัยนั้นใช้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันปีใหม่ เรียกงานนี้ว่า “การรับประชาสมาชิก พ.ศ.2466” เพื่อหาสมาชิกโดยเสียค่าบำรุง 1 บาทต่อปี ในอดีตงานกาชาดมีทั้งขบวนแห่รถยนต์ รถม้า และรถจักรยานที่ตกแต่งเป็นรูปต่างๆ เกี่ยวกับการอนามัย ครึกครื้น มีมหรสพ แตรวงทหารบก ทหารเรือ จำอวด นับเป็นต้นกำเนิดของงานกาชาดและการหารายได้บำรุงสภากาชาดจวบจนทุกวันนี้
ต่อมาการจัดงานกาชาดได้เพิ่มเติมกิจกรรมเข้ากับสมัยนิยมและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น ทั้งจัดแข่งขันว่าวครั้งแรก ทั้งยังขายลูกลอยกาชาดหรือลูกสวรรค์ มีสอยผลกัลปพฤกษ์ชิงรางวัลครั้งแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสอยดาวในปัจจุบัน รวมถึงโชว์มอเตอร์ไซค์ไต่ถังเหล็กสร้างความตื่นตาตื่นใจ
ในความทรงจำงานกาชาดกำเนิดที่ท้องสนามหลวง เติบโตสู่พระราชอุทยานสราญรมย์ จวบจนปี พ.ศ.2481 ย้ายมาจัดที่สถานเสาวภา จนปี พ.ศ.2520 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย มีพระราชเสาวณีย์โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาจัดงานบริเวณสวนอัมพร ลานพระบรมรูปทรงม้า และสนามเสือป่า จนถึงปี 2559 ก่อนจะย้ายมาจัดที่สวนลุมพินีถึงปัจจุบัน
สร้างรายได้ 200 ล้านบาทต่อปี สมทบภารกิจสภากาชาด
นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกาชาดประจำปี 2567 กล่าวว่า งานกาชาดมักถูกมองเป็นมหกรรมรื่นเริง แต่จริง ๆ แล้วภายใต้มหกรรมรื่นเริงนั้น คือการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ เพราะรายได้แต่ละปีจากการออกร้าน จำหน่ายสลากกาชาดของ 43 หน่วยงาน มีการสอยดาว เสี่ยงโชค ชิงรางวัล ดูดวง มีการจำหน่ายอาหารมากมาย แต่ละปีสร้างรายได้ราว 200 กว่าล้านบาท ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละปีว่าจะมีการดึงดูดได้มากน้อยแค่ไหน นับเป็นหน้าที่ของสภากาชาดไทยที่จะต้องรังสรรค์การจัดงาน และเชิญชวนคนมาร่วม
สภากาชาดไทยใช้งบฯ ปีละหมื่นล้าน
นางจันทร์ประภา กล่าวต่อว่า ด้วยภารกิจสภากาชาดไทย ในหนึ่งปีใช้งบมากกว่าหมื่นล้านบาท เนื่องจากมีพันธกิจทางการแพย์ซึ่งต้องดูแลอย่างวงกว้าง ยกตัวอย่าง
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่ละวันมีผู้ป่วยเข้ามารักษามากกว่า 6000 ราย และนับวันยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่สภากาชาดไทยทำหน้าที่คือดูแลรักษาพยาบาล ดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เข้ามามักจะเป็นผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อน
สภากาชาดมีภารกิจเพื่อมนุษยธรรม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย มีการส่งแพทย์เคลื่อนที่ไปเสริมงานภาครัฐ ดูแลพื้นที่ที่คนเข้าไม่ถึงทางการแพทย์ ทั้งยังได้ดำเนินภารกิจงานบริการโลหิต นอกจากนี้สำนักงานบรรเทาทุกข์และสภาพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสตามพื้นที่ต่าง ๆ ดูผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ขาดโอกาสเข้าถึง ไปผ่าตัดหู ผ่าตัดต้อกระจก ค้นหาผู้ป่วยพาคินสัน ดูแลผู้ป่วยพิการใบหน้า เป็นภารกิจ การดูแลคุณภาพชีวิต บรรเทาทุกข์ บำบัดสุข ที่แท้จริง
“ปีๆ นึงค่าใช้จ่ายกว่าหมื่นล้านบาท เงินรายได้ทุกบาททุกสตางค์ สภากาดชาดก็จะเน้นไปช่วยทำภารกิจสภากาชาดไทย ปีนี้ผลักดันว่าจะต้องทำให้ได้ 350 ล้านบาท”
สวนลุมพินีอายุครบ 100 ปี จัดเตรียมความพร้อมงานกาชาด
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เนื่องจากสวนลุมพินีมีอายุครบ 100 ปี ที่ผ่านมาทรุดโทรมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ฟุตบาท ไฟส่องสว่าง กทม.จึงมีโครงการใหญ่ปรับปรุงสวนลุมฯ ทำถนนใหม่ ติดไฟส่องสว่าง ทุกอย่างทำเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่เพียงห้องน้ำที่ยังอยู่ในช่วงของการสร้างใหม่ เนื่องจากเดิมเป็นห้องน้ำระบบเก่า ทำให้น้ำรั่วซึมไหลลงบ่อน้ำ จึงรื้อปรับปรุงใหม่ แต่ในภาพรวมดีขึ้น ถนนทางเท้าเรียบเดินสะดวกสบายมากขึ้น มีการจัดการจราจรมีเส้นทางหลากหลาย
ส่วนขยะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ผ่านมากาชาดมีการบริหารจัดการดีขึ้น ซึ่งในสวนลุมจะมีจุดคัดแยกขยะกว่า 40 จุด มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดในการดูแลเรื่องคัดแยก ซึ่งอยากให้ประชาชนจัดการขยะให้ดี เลือกซื้อแต่ของที่จำเป็น ทานอาหารก็อย่าให้หลงเหลือ แยกขยะให้ได้ตามจุด เพราะอยากให้งานนี้เป็นต้นแบบของการแยกขยะได้เลย มีการแยกตั้งแต่เศษอาหาร หลอด น้ำแข็ง เป็นต้น