วิเคราะห์’ แรงขับ ภายนอก สู่ภายใน ทำไมใคร ๆ อยากเป็น ‘บอส’

วิเคราะห์’ แรงขับ ภายนอก สู่ภายใน ทำไมใคร ๆ อยากเป็น ‘บอส’

วิเคราะห์ปรากฎการณ์ เครือข่าย ความรวยบอส ผู้เสียหายมากมายเป็นสิ่งที่ต้องสำรวจเหตุผล ทำไมใครๆหลงเชื่อและอยากเป็นแบบ ‘บอสทั้งหลาย’ เพื่อสร้างภูมิภูมิคุ้มกันจิตใจไม่หวั่นไหวไปกับการตลาดล่อใจ

 

 

Inside-Out VS Outside-In Happiness เพื่อสร้างความสุขสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืน 

โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร Co-Founder IDGs Asia Pacific Innovation Center -Leadership Hub Thailand CEO University of Happiness ผู้แต่งหนังสือขายดี : ศาสตร์ผู้นำสู่ความยั่งยืน, เหนือกว่ากำไร, Well-Being Leader, DNA Of Leadership Happiness

 

 

อายุน้อยพันล้านกลายเป็นภาพลัษณ์ของความสำเร็จที่เราเห็นในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เป็น Influencer ของความสำเร็จใน  Social Media เช่นใน Facebook, TikTok, Twitter เป็นต้น การใช้ภาพลักษณ์ของความสำเร็จในธุรกิจ เช่น รถหรู นาฬิกาหรู หรือการเที่ยวต่างประเทศ กรณีของ ‘บอส’ เป็นไอดอลนักลงทุนขายของออนไลน์และสอนทำธุรกิจเริ่มต้น ด้วยคำเชิญชวน ที่โดนใจ กระตุ้นความรู้สึก เช่น  ‘ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย’ นำไปสู่การก้าวเดินตาม กลยุทธ์การตลาดที่ ‘บอส’ สร้างโมเดลขีดไว้ ให้เดินตามแม่ข่ายหวังสร้างค่าคอมมินชันกำไรงาม เติบโตตามยอดลงทุนหลักพันถึงหลักแสน 

ท้ายที่สุดบางคนเสียมิตรภาพ และความไว้วางใจจากคนใกล้ชิด ยอดความเสียหายของผู้ที่หลงเชื่อเข้าไปแจ้งความร่วมกว่า  740 คน มูลค่าความเสียหายรวม 266 ล้านบาท 

กลายเป็นบทเรียนเงินล้านไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีแม้กระทั่งกำไรกลับมา มีเพียงผู้เสียหายจำนวนมากเดินไปไม่ถึงฝัน ทำให้เราต้องกลับมาสำรวจตัวตนที่แท้จริง สิ่งใดขับเคลื่อนชีวิตได้จริงด้วยความสุขจากภายในสู่ภายนอก ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่มาจากความต้องการจากภายใน ไม่ใช่แค่สังคมนิยมชื่นชม เราจึงทำตาม 

ตามแนวคิดทฤษฎีของแรงขับเคลื่อนพลังจากภายนอกสู่ภายใน (Outside-In Happiness) ที่มากระทบทำจิตใจทำให้คนคล้อยตามและหลงเชื่อ หากภายในจิตใจไม่แข็งแรงพอ ก็จะเปิดรับสิ่งเร้า ภาพอนาคต ที่การตลาดได้ขีดไว้ตามมิติที่ส่งผลกระทบต่อสังคม นำไปสู่การเข้ามาสร้างความหวั่นไหวในจิตใจเราดังนี้ คือ  

  1. Spiritual Divide (แบ่งแยกทางจิตวิญญาณ)
  •           การมุ่งเน้นวัตถุ: การส่งเสริมภาพลักษณ์ความสำเร็จด้วยวัตถุ เช่น รถหรู อาจทำให้คนรู้สึกว่าความสุขและความสำเร็จมีเพียงแค่สิ่งของวัตถุ การมุ่งเน้นนี้อาจทำให้ผู้คนมองข้ามคุณค่าที่สำคัญกว่า เช่น ความสัมพันธ์ สุขภาพและการพัฒนาตนเอง
  •           การเปรียบเทียบ: ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงความสำเร็จตามมาตรฐานนี้อาจรู้สึกด้อยค่าและเกิดความรู้สึกไม่พอใจในชีวิต ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความรู้สึกของการไม่สมบูรณ์
  1. Social Divide (แบ่งแยกทางสังคม)
  •           การสร้างมาตรฐานที่ไม่เหมาะสม: การใช้ภาพลักษณ์ความสำเร็จที่ต้องมีการใช้เงินจำนวนมาก สามารถทำให้คนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ ส่งผลให้เกิดความแตกต่างทางสังคม
  •           การแบ่งแยกชนชั้น: การพึ่งพาภาพลักษณ์นี้อาจทำให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้นในกลุ่มสมาชิก ทำให้สมาชิกบางคนรู้สึกเหนือกว่าคนอื่น และสร้างความตึงเครียดในกลุ่ม
  1. Ecological Divide (แบ่งแยกกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
  •           การบริโภคที่ไม่ยั่งยืน: การส่งเสริมการใช้สินค้าที่มีราคาแพงอาจทำให้เกิดวัฒนธรรมการบริโภคที่ไม่ยั่งยืน เช่น การใช้สินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  •           การขาดการตระหนักรู้: ในบางครั้ง การเน้นภาพลักษณ์ความสำเร็จอาจทำให้สมาชิกไม่ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น

 

 

การสร้างภูมิกัน เป็นคนสตรอง จากภายในสู่ภายนอก 

การเติบโตไปแบบยั่งยืนเป็นแนวทางที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการพัฒนาตนเองที่ระเบิดความสุขจากภายในที่เรียกว่า Inside-Out Happiness และการสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่า ด้วยการนำหลักการของการพัฒนาภายในที่ยังยืนที่เรียกว่า Inner Development Goals โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะ 3 ประการนี้ที่เป็นกุญแจสำคัญในธุรกิจ ในทีมงานที่ควรมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจอันได้แก่

  1.         Connectedness (การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเชื่อมโยงกับผู้อื่น)
    ช่วยให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นในสังคมโดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนมิใช่มุ่งเน้นแต่ผลกำไรและผู้บริหารระดับสูง ผู้ภือหุ้น แต่ลืมทีมงานระดับล่างและลูกค้าคนสำคัญตลอดจนผลกระทบทางสังคมต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

    การสร้างความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ที่ดีในทีมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสามารถส่งเสริมความสำเร็จในธุรกิจได้
  •           การสนับสนุนซึ่งกันและกัน: สมาชิกในทีมควรมีการสนับสนุนกันและกันในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำ การแบ่งปันประสบการณ์ หรือการสร้างกำลังใจ การสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนจะช่วยให้สมาชิกมีความมุ่งมั่นและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม
  •           การจัดกิจกรรมทีม: การจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การอบรม การประชุม หรือกิจกรรมสันทนาการ สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในทีมได้ การสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและเปิดกว้างจะช่วยให้สมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ได้อย่างอิสระ
  1.         Complexity Awareness (ความตระหนักถึงความซับซ้อนของโลกและปัญหาต่างๆ)
    ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมและทำการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บางครั้งการเร่งโตและการวิ่งตามความสำเร็จโดยที่ไม่ได้รากแก้วที่แข็งแรงจะทำให้ลำต้นของความสำเร็จจะสูงใหญ่ให้ผลกำไรที่ดูหอมหวาน แต่ถ้าพื้นฐานความสำเร็จไม่เข้มแข็งก็สามารถจะล้มครึนอย่างง่ายได้

    การเข้าใจความซับซ้อนของตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาธุรกิจ ทีมผู้บริหาร สมาชิกควรมีความสามารถในการวิเคราะห์และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด
  •           การวิเคราะห์ตลาด: การศึกษาแนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคจะช่วยให้ทีมงานสามารถปรับกลยุทธ์การขายให้เข้ากับสภาพแวดล้อม การเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไรและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจะทำให้ธุรกิจมีความได้เปรียบ
  •           การยืดหยุ่น: การมีความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด เช่น การนำเสนอสินค้าหรือบริการใหม่ๆ จะช่วยให้ทีมอยู่เหนือคู่แข่ง การยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์จะทำให้สมาชิกสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1.         Inner Compass: (การค้นหาและสร้างเข็มทิศความสุขภายใน)
    เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้เราสามารถเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีภูมิต้านทาน มี  Resilience มีความมั่นใจและมีความสุข สามารถทนต่อแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาโดยเฉพาะเมื่อมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความเครียดในระดับสูง

    การมีค่านิยมและจริยธรรมที่ชัดเจนช่วยสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในด้านการดำเนินธุรกิจ
  •           การทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม: การดำเนินธุรกิจโดยมีจริยธรรมที่ชัดเจนจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า การมีความโปร่งใสในกระบวนการทำงานและการจัดการข้อมูลจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในสินค้าและบริการ
  •           การมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย: การมีจุดหมายที่ชัดเจนและการทำงานด้วยความมุ่งมั่นจะทำให้ธุรกิจมีแนวทางที่มั่นคงและยั่งยืน การตั้งเป้าหมายร่วมกันในทีมจะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของในงานและทำให้สมาชิกรู้สึกมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จ

 ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม การพัฒนาตนเอง ความเข้าใจในความซับซ้อนของตลาด และการมีค่านิยมที่ชัดเจน สมาชิกในทีมที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและการทำงานร่วมกันจะนำไปสู่การสร้างความสุขสู่ความสำเร็จในธุรกิจ ซึ่งในที่สุดจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและชุมชนที่สมาชิกมีส่วนร่วมอยู่

การนำแนวทางเหล่านี้มารวมกันช่วยให้เราสามารถเติบโตในทุกด้านของชีวิต ทั้งในระดับส่วนบุคคลและสังคม ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยการเข้าใจและรับรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างเราและโลก รอบตัวเราจะช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกด้านของชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ธุรกิจที่ยั่งยืน จากคุณค่าที่แท้จริง 

ธุรกิจที่จะสร้างความแข็งแกร่ง เติบโตมีอายุยืนยาว (Build to last)  แบบยั่งยืนจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่:

  •           การส่งเสริมคุณค่าที่แท้จริง: การสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการพัฒนาตนเองและความสัมพันธ์ที่ดีในทีม มากกว่าการมองความสำเร็จจากสิ่งของ
  •           การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน: การเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าต่อชุมชน
  •           การสร้างความตระหนักรู้: การให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคฟุ่มเฟือย

การปรับเปลี่ยนแนวทางในการสร้างภาพลักษณ์และการสื่อสารในธุรกิจ จะช่วยให้สามารถลดผลกระทบเชิงลบและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกและชุมชนได้อย่างยั่งยืน