ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญลำดับต้นๆ ของมนุษย์ที่มีการใช้งานอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้ การมองเห็นหรือดวงตาของเราเกิดความผิดปกติ เช่น อาการพร่ามัว ต้อหิน ต้อกระจก จอตาเสื่อมตามวัย จอตาฉีกขาดจากวุ้นตาเสื่อม รวมถึงความผิดปกติจากโรคประจำตัวต่างๆ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ ภูมิแพ้ เป็นต้น
อาการเหล่านี้จะส่งผลให้การมองเห็นของเราลดลง หากปล่อยไว้นานจะเสี่ยงทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ วิธีการรักษาตาด้วยการเลเซอร์ สามารถยับยั้งหรือชะลออาการได้ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การรักษาเกี่ยวกับดวงตามีหลากหลายรูปแบบต่างกันตามอาการของโรค ซึ่งดวงตามีความสำคัญมาก ดังนั้นการรักษาดวงตาควรมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ วิธีการรักษาด้วยเลเซอร์นั้นมีประสิทธิภาพอยู่พอสมควร และสามารถยับยั้งอาการที่เกิดขึ้นได้
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กล่าวว่า การรักษาดวงตาของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) ค่อนข้างพร้อมในด้านความเชี่ยวชาญและชำนาญในการใช้เครื่องมือต่างๆอาทิ เครื่องวัดลานสายตา(VF)เครื่องวัดค่าเลนส์ตา(IOL)เครื่องถ่ายภาพจอตา(OCT)และเครื่องเลเซอร์(Laser) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย กรณีผู้ป่วยที่เข้ามาการรักษา ส่วนใหญ่จะมีอาการทางตา การมองเห็นพร่ามัวของโรคจอตาเสื่อม หรือการมองเห็นแคบลงอย่างโรคต้อหิน โรคจอตาลอก ซึ่งโรคที่ยกตัวอย่างมานั้นหากใช้การรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์จะสามารถช่วยให้ชะลออาการได้
แพทย์หญิงอุมาภรณ์ จิตตวัฒนรัตน์ จักษุแพทย์ชำนาญการพิเศษ แนะนำว่า การรักษาตาด้วยเครื่องเลเซอร์ ก่อนการรักษาต้องมีการประเมินอาการก่อนทุกครั้ง ในการตรวจเพราะการรักษาตาด้วยเครื่องเลเซอร์มีหลายประเภทด้วยกันเช่น
1.อาร์กอนเลเซอร์(ArgonLaser)เป็นการเลเซอร์คลื่นแสงที่มีพลังงานสูงจะมีประสิทธิภาพดีในการรักษาเกี่ยวกับเบาหวานขึ้นจอตา และจอตาฉีกขาด
2.แย็กเลเซอร์(YAGLaser)ใช้รักษาถุงหุ้มเลนส์ตาขุ่นจากโรคต้อกระจก และโรคต้อหินชนิดมุมปิด การทำเลเซอร์สลายถุงหุ้มเลนส์ด้านหลัง ทำให้เกิดช่องให้แสงผ่านเข้ามาในดวงตาได้ดีขึ้น สามารถชะลออาการไม่ให้รุนแรงขึ้น
การรักษาด้วยเลเซอร์นั้นผู้ป่วยต้องหยอดยาชาบริเวณดวงตาก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อระงับความรู้สึกและรอดูอาการหลังการทำเลเซอร์ประมาณ 25-30 นาที ก่อนให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ งดทำกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อดวงตาประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำการรักษา ควรพบจักษุแพทย์ให้ตรงตามนัดเป็นระยะๆ เพื่อการรักษาที่ดี หากมีความผิดปกติทางดวงตาเช่น ตาแดง ปวดตา หรือตาพร่ามัว แนะนำให้พบจักษุแพทย์เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที.
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
การหมักเนื้อก่อนย่างจะช่วยลดสารก่อมะเร็งได้จริงหรือ?
https://www.thaiquote.org/content/250448
ผู้สูงวัยอายุ 65 ปี ขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้
https://www.thaiquote.org/content/250442
นักวิ่งควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตนเองเป็นอันดับแรก ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อควรปรึกษาแพทย์ก่อน
https://www.thaiquote.org/content/250408