ปัจจุบันความอ้วนหรือโรคอ้วน ได้ถูกกำหนดให้เป็นโรคอย่างหนึ่งที่ต้องการดูแลและรักษา ทั้งนี้เพราะโรคอ้วนสามารถทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้หลายโรค
องค์การอนามัยโลก ได้ให้คำนิยามของโรคอ้วนไว้ว่า เป็นภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเกินปกติ จนเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพเป็นความเจ็บป่วย และอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
โรคอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome) เป็นชนิดที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย วินิจฉัยได้จากการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ต้องตรวจพบอย่างน้อย 3 ใน 5 ข้อ
1. การวัดขนาดรอบเอว บริเวณสะดือในท่ายืนเท้าทั้ง 2 ข้าง ห่างกัน 10 เซนติเมตร ช่วงหายใจออก
* เพศชาย ไม่เกิน 90 เซนติเมตร เพศหญิง ไม่เกิน 80 เซนติเมตร
2. ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ≥ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
3. ระดับไขมัน HDL cholesterol
< 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ในเพศชาย
< 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ในเพศหญิง
4. ระดับความดันโลหิตมากกว่า ≥ 130/85 มิลลิเมตรปรอท
5. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร ≥ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
สาเหตุของโรคอ้วน
• กรรมพันธุ์ บางครอบครัวมีแนวโน้มจะอ้วนกันทั้งหมดอาจจะเกิดจากการเลี้ยงดู, สิ่งแวดล้อม, การใช้ชีวิตร่วมกันแบบเดียวกัน
• รับประทานอาหารแบบเดียวกัน การรับประทานอาหาร ซึ่งให้พลังงานสูงเป็นประจำโดยเฉพาะแป้งและไขมัน และรับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย
• ยาบางอย่าง ทำให้ความอยากอาหารมากขึ้น เช่น ยาทางจิตเวช, ยารักษาเบาหวาน, ยา steroid
• โรคบางอย่าง โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ได้แก่ ต่อมธัยรอยด์และต่อมหมวกไต
• สิ่งแวดล้อม ด้านวัฒนธรรมและการใช้ชีวิต ของแต่ละประเทศและเผ่าพันธุ์
• การดื่มสุรา และสูบบุหรี่
• ภาวะเครียด บางคนมีความผิดปกติทางจิตใจทำให้รับประทานอาหารมากขึ้น
• ปัจจุบัน ความก้าวหน้า ทางด้านเทคโนโลยีทำให้คนอายุน้อย มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายและขาดการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย
โรคอ้วน ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง, ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง, โรคมะเร็ง (มะเร็งเยื่อบุมดลูก, รังไข่, มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ, กรดไหลย้อน, โรคข้อเข่าเสื่อม, โรคประจำเดือนผิดปกติ
การรักษาโรคอ้วน การควบคุมน้ำหนักตัว ด้วยการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์สูง กินอาหารแต่ละมื้อให้ปริมาณลดลง ค่อยๆ ลดโดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและไขมัน เพิ่มอาหารประเภทเส้นใย เช่น ผักและผลไม้ที่ไม่หวาน , ไม่กินจุกจิก เคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น เช่น ใช้บันไดแทนลิฟต์ พยายามออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อย 30 นาที ตรวจร่างกายเพื่อดูว่ามีโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความอ้วนหรือยัง เช่น เบาหวาน , ไขมันในเลือดสูง หรือการใช้ยาเพื่อลดน้ำหนักตัว คลิกอ่านข้อมูล >>https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/1771
** อย่างไรก็ตามการลดน้ำหนักที่ยั่งยืนที่สุดก็คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
ที่มา: โรงพยาบาลรามคำแหง
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
6 สัญญาณเตือน “มะเร็งปอด!!” ตรวจเร็ว…รักษาทัน
https://www.thaiquote.org/content/249224
6 สมุนไพรและอาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับความดันโลหิตสูง
https://www.thaiquote.org/content/249190
ตอบคำถาม กินวิตามินทุกวันอันตรายไหม ต้องกินอย่างไร
https://www.thaiquote.org/content/249175