จากเด็กแสบมาเป็นวิศวกรนักพัฒนา กีรติ เล่าให้ฟังว่า อดีตเขาเคยเป็นเด็กนักเรียนหัวโจกประจำโรงเรียนอำนวยศิลป์ กระทั่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ก็ยังคงวาดลวดลายแสบระดับตำนานจนครูฝ่ายปกครองถึงขั้นหมายหัวว่าจะต้องเก็บกระเป๋าออกจากโรงเรียนเข้าสักวัน “พฤติกรรมลักษณะนี้ผมยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมทนงตนว่าเป็นลูกนายทหารถูกสอนให้ไม่กลัวใครแต่ภายใต้วีรกรรมแสบ ๆ ผมก็ยังใฝ่รู้อยู่ลึก ๆ กับวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่ผมไม่เคยขาดเรียนเลยสักครั้งเดียว” กีรติเล่าต่อว่า หลังเรียนจบมัธยมปลายเขาได้ตามความฝันโดยได้สอบเข้าเรียนที่โรงเรียนการชลประทานได้สำเร็จ ตอนนั้นหลายคนก็มองว่ากีรติจะเข้าไปสร้างวีรกรรมอีกรึเปล่า แต่คราวนี้เป็นวีรกรรมด้านดีที่ถึงขั้นเป็นจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ของหนุ่มแสบเมืองนนท์คนนี้ “เป็นโชคดีของผมเพราะที่นี่เน้นเรียนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นหลัก จากเด็กหลังห้องเมื่อได้เข้าเรียนที่โรงเรียนการชลประทานจึงได้ค้นพบว่าตนเองชอบเรียนวิชาทางด้านวิศวกรรม เมื่อประกาศคะแนนเทอมแรกและทันทีที่นำผลการเรียนให้พ่อแม่ดู ปรากฏว่าสายตาท่านดีใจมากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพตรงหน้าทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่าเราเองก็ทำให้ท่านภูมิใจได้เช่นกันนะเนี่ย” จากเด็กที่ดูเหมือนชีวิตไม่มีอะไรโดดเด่นแต่กลับค้นพบตนเอง เพราะเห็นถึงความภาคภูมิใจของพ่อ ถ้าทำแล้วท่านมีความสุขกีรติจะทำอย่างเต็มที่ เขาเลิกเกเรตั้งใจเรียนและขวนขวายสนใจในทุกวิชา กระทั่งสามารถเรียนจบในลำดับต้นๆของนักเรียนการชลประทานรุ่นที่ 46 หลังจากเรียนจบจากวิทยาลัยชลประทาน แม้จะต้องทำงานแต่กีรติก็ใฝ่รู้ที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีโดยได้สอบติดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและได้ตั้งใจเรียนจนจบการศึกษาด้วยคะแนนเป็นที่ 1 พร้อมได้รับรางวัลเรียนดี และทุนการศึกษาทุกปี ไม่เพียงเท่านี้เมื่อจบปริญญาตรีแล้วได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ที่บางมดให้ไปศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) โดยได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จนจบการศึกษาในปี 2542 ที่ปรึกษาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ทำงานอย่างเดียวว่าหนักแล้วแต่ถึงขั้นเรียนควบคู่ไปด้วยหลายคนคงท้อ แต่สำหรับกีรติแล้ว “ค่อนข้างเบาใจ”เพราะเขามีที่ปรึกษาในขณะนั้นคือ อาจารย์สาธิต มณีผาย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา ด้านสำรวจและหรือออกแบบ “ในช่วงที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งนายช่างชลประทาน 3 ผมมีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อน อ่างเก็บน้ำต่าง ๆทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความรู้ที่ได้สำเร็จการศึกษามา จึงได้ขอเปลี่ยนสายงานมาเป็นวิศวกรโยธา และได้ทำงานร่วมกับอาจารย์สาธิต มณีผายผู้ซึ่งเป็นทั้งครูและพี่ที่ให้การอบรมสั่งสอนทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งผมได้ยึดถือเป็นแบบอย่างตลอดมา” ผลงานสำคัญในอดีตถึงปัจจุบัน หนึ่งในผลงานออกแบบของกีรติ ในช่วงยุคแรกๆ ของการทำงานคือ งานออกแบบศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงปี 2546 เป็นโครงการในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้รับโจทย์การออกแบบมาว่าชั้นแรกของอาคารจะต้องมีความโดดเด่นในด้านโครงสร้าง เป็นห้องโถงโล่งกว้าง สะดุดตา ไม่มีเสามาบดบังด้วยความรู้ความชำนาญในงานวิศวกรรมโครงสร้าง ประกอบกับเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการออกแบบโครงสร้างคอนกรีตอัดแรง จึงได้ประยุกต์ใช้เทคนิคนี้ในการออกแบบโครงสร้างช่วงยาว 22 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นคานช่วงยาวมากไม่สามารถใช้เทคนิคก่อสร้างปกติได้ แต่เพราะความตั้งใจที่จะสนองงานพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถผมจึงทุ่มเททำงานจนสุดท้ายจากงานออกแบบก็บรรลุเป้าหมายก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกอยู่ที่ปลายทางเสมอ อีกหนึ่งผลงานที่จะลืมกล่าวถึงไปไม่ได้เลยคือโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก อ.เชียงคาน จ.เลยจากจุดมุ่งหมายหลักที่มีไว้สำหรับการบริหารจัดการน้ำของจ.เลย แต่การออกแบบได้ฉีกกรอบแนวคิด โดยให้มีหอชมวิวลักษณะเป็น “หัวผีตาโขน” ใส่ประเพณีเก่าแก่ลงบนชิ้นงานจนมีอัตลักษณ์น่าจดจำ โดยผลงานชิ้นนี้เมื่อแล้วเสร็จ จะมีผลกับเศรษฐกิจไทยในแง่ของการท่องเที่ยวกลายเป็นจุดเช็กอินและเซลฟี่ของนักท่องเที่ยว มีประโยชน์ที่งอกเงยออกดอกผล ขอเพียงแค่คุณ“คิดต่างอย่างมีสไตล์”เท่านั้นเอง “ผลงานชิ้นล่าสุดของผมคือ อาคารศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ เป็นอาคารเพื่อรองรับและสนับสนุนงานกรมชลประทาน เพื่อก้าวสู่ “กรมชลประทาน 4.0” ภายในประกอบด้วยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำทั้งในการบริหารจัดการและการแจ้งเตือนภัยอันเกิดจากน้ำ ซึ่งจะสามารถลดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ เป็นการสร้างประโยชนให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก อาคารดังกล่าว จะเปิดใช้งานในเดือนมิถุนายน 2560 ก็ขอให้ทุกท่านติดตามต่อไป “ตั้งแต่เริ่มรับราชการจนถึงปัจจุบัน ผมได้รับความกรุณาและความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงและผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นจนมีความก้าวหน้าตามวิถีการรับราชการ ซึ่งผมขอตั้งปณิธานว่าจะปฏิบัติงานในความรับผิดชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเต็มกำลังความรู้ความสามารถ เพื่อตอบสนองนโยบายที่ได้รับมอบหมาย และประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติสืบต่อไป” กีรติ ทิ้งท้าย