จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจชาร์จ EV ที่จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย โดยSHARGE คาดการณ์ว่าภายในปี 2574 จะเติบโตขึ้น 10 เท่า
โดยเฉพาะเรื่องมาตรการส่งเสริมการนำเข้า EV จากต่างประเทศซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยมีราคาที่ถูกลงมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญให้ผู้ใช้รถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น “พีระภัทร ศิริจันทโรภาส” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) กล่าว
SHARGE ได้ตั้งเป้าในการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งกระแสสลับ (AC Charging) และกระแสตรง (DC Charging) เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 200 สถานี หรือราว 1,200 หัวชาร์จ
โดยปัจจุบัน SHARGE มีจุดให้บริการ EV Charging ใน 7 สถานี รวมกว่า 50 หัวชาร์จ ในทำเลธุรกิจ ได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ชิดลม, โครงการ T77, สิงห์ คอมเพล็กซ์, ไบเทค บางนา, ทรูดิจิทัล พาร์ค และอาคารฮักส์ นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 6 สถานีภายใน ธ.ค.นี้
ทั้งนี้เมื่อรวมกับแผนการเปิดสถานีเพิ่มเติมในปี 2565 จะส่งผลทำให้ SHARGE มีสถานีให้บริการถึง 213 สถานีหรือกว่า 1,200 หัวจ่ายได้ภายในปีหน้า
ล่าสุด SHARGE ได้จับมือกับพันธมิตร 4 กลุ่มใหญ่ เพื่อเพิ่มขอบเขตบริการไปสู่การเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อให้บริการครอบคลุมไปสู่ผู้ใช้ EV ทุกกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 1. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) 2. พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม 3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) 4.พันธมิตรกลุ่มห้างค้าปลีกอื่นๆ โดยจากการร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 4 กลุ่มนี้ทำให้ SHARGE มีแผนจะเปิดให้บริการสถานีชาร์จภายในปีนี้อีก 6 สถานี
นอกจากนี้ SHARGE อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเปิดให้บริการสถานีแบบ High Power Charging Station ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จต่ำสุด 10 นาที ถือเป็นการให้บริการที่เร็วที่สุดในประเทศไทย จากปัจจุบันที่ SHARGE มีสถานีบริการที่มีกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ และใช้เวลาชาร์จต่ำสุด 25 นาที
นอกจากนี้ยังให้บริการด้านการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน SHARGE ที่ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับการใช้งานชาร์จ EV ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และครอบคลุมทุกสถานีการให้บริการที่ทุกแบรนด์สามารถใช้งานร่วมกันได้
โดยจุดเด่นของแอปฯ คือผู้ใช้บริการสามารถจองหัวชาร์จล่วงหน้าได้ 24 ชม. โดยมีค่าจอง 20 บาท และค่าจองนี้สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าในการชาร์จได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลของสถานีชาร์จแต่ละแห่งว่ารถที่กำลังชาร์จอยู่แต่ละคันจะชาร์จเสร็จในช่วงเวลาไหน เพื่อให้ผู้ใช้งานคันต่อไปสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า Thaiquote