นคร มาฉิม เป็นคนจังหวัดพิษณุโลก เกิดเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และประกาศนียบัตรการเมืองการปกครองผู้บริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า
ลงเล่นการเมือง สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก ได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก เมื่อปี 2544 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้น ได้ยึดตำแหน่ง ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก มาตลอดในการเลือกตั้ง ปี 2548, 2551 และครั้งสุดท้าย 2554
เป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองสภาผู้แทนราษฎร รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ สภาผู้แทนราษฎร กรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เป็นต้น
ชื่อชั้นในทางการเมืองของ ‘นคร มาฉิม’ สามารถก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีได้แล้ว แต่ในประชาธิปัตย์ ‘นคร มาฉิม’ เจอก้างชิ้นโต คือ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่แม้จะเป็น ส.ส.ช้ากว่า 1 สมัย คือ หมอวรงค์ เป็น ส.ส.เมื่อปี 2548 แต่บทบาทของหมอวรงค์ ในการตรวจสอบรัฐบาลทักษิณ ต่อเนื่องถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะปัญหาการจำนำข้าว นับว่า ถึงลูกถึงคน
รัศมีความเป็นรัฐมนตรีจึงจับมากกว่า ‘นคร มาฉิม’
จึงจะเห็นว่า ในการออกมาของ ‘นคร มาฉิม’ ยังได้ฟาดเข้าใส่ ‘หมอวรงค์’ว่า เป็นผู้กว้างขวางในพรรค จนหมอวรงค์ ต้องออกมาแถลงข่าวปฏิเสธ
สะท้อนให้เห็น ภาพการขัดเหลี่ยมกันของ 2 คนนี้ได้เป็นอย่างดี
ในกระแสต้านรัฐบาล’ชินวัตร’ ในยุคที่ยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาล ก่อนที่จะมีการยึดอำนาจ ‘ประชาธิปัตย์’ ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง หลังการยุบสภาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากแรงต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
ณ เวลา ที่การช่วงชิงอำนาจ ระหว่างขั้วประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเขม็งเกลียวนั้น ‘นคร มาฉิม’ ประกาศสวนทางกับ ‘ประชาธิปัตย์’ ไปลงสมัคร ส.ส.พิษณุโลก ในนาม ‘พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา’ ที่ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ กุมบังเหียนพรรครวมใจไทยไปร่วมกับ ชาติพัฒนาของ ‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ’
ต้องไม่ลืมว่า ‘ประดิษฐ์ง เคยเป็น’เลขาธิการประชาธิปัตย์’ เป็น ส.ส. พิจิตร และพิจิตรกับพิษณุโลก ก็อยู่ติดกัน จึงไม่แปลกที่ ‘นคร มาฉิม’ จะแนบแน่นกับ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’
ในวันที่ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ และน้องชาย ไปร่วมงานวันเกิด ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ แม้ไม่ประกาศตัวชัดเจนว่า เลือกข้างไปอยู่กับ ‘เพื่อไทย’ แต่จากท่าทีที่สะท้อนออกมา คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ประดิษฐ์ แนบแน่นกับทักษิณที่ลอนดอน ที่เมืองไทย ‘นคร มาฉิม’ ร่อนจดหมาย ‘เผา’พรรคเก่า
เป็นศึกใหญ่ ที่ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ ต้องติดตามด้วยใจระทึก!
