ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ส.ค.63) เวลา 16.20 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำนักศึกษากลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับของศาลอาญาที่ 1172/2563 ในความผิดฐาน
1. มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
2.มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ
3.ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุม ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดฯ อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
4.มาตรา 385 ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคด้านความปลอดภัย หรือความไม่สะดวกในการจราจร โดยวาง หรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด หรือร่วมกันวาง ตั้งยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น, ร่วมกันตั้ง วาง หรือกอง
5. พ.ร.บ. รักษาความสะอาดฯ มาตรา 19 ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนน
6. พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาตรา 4 ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
7. มาตรา 391 ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ทั้งนี้กลุ่มเพื่อนของนายพริษฐ์ ได้เผยแพร่ภาพสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก “พริษฐ์ ชิวารักษ์” ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม โดยนายพริษฐ์ กล่าวประกาศไม่ยอมรับกระบวนการและอำนาจของเจ้าหน้าที่ที่จะมาคุกคามประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า หากขัดขืนจะเป็นการขัดคำสั่งการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะอุ้มตัวเพนกวินที่ได้ชูมือสวามนิ้วแสดงสัญลักษณ์ขึ้นรถไป โดยมีการแจ้งว่าจะเดินทางไปยังสน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจเจ้าของคดีดังกล่าว
ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์เมื่อทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างโพสต์ข้อความพร้อมติดแฮชแทค #SaveParit จนเป็นเทรนได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบก.เลย ยันยังไม่ออกหมายจับ “เพนกวิน” คดี ม.112 ชี้ยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน
