‘ต้มยำกุ้ง’ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโก รากเหง้าอารยธรรมการกินของภาคกลาง เต็มไปด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านที่นำสมุนไพรมาปรุงเป็นอาหาร โด่งดังทั่วโลกนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย สร้างความมั่นคงด้านอาหาร สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศรับรองให้ “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ตามที่ประเทศไทยเสนอ และถือเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้รายการที่ 5 ของไทย
ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 (The nineteenth session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ณ กรุงอะซุนซิออน สาธารณรัฐปารากวัย หรือตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม เวลาประมาณ 02.10 น. ตามเวลาประเทศไทย มีมติรับรองให้ “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity)
ประวัติอารยธรรม ‘ต้มยำกุ้ง’
ต้มยำกุ้ง เป็นหนึ่งในอาหารไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และถือเป็นสัญลักษณ์ของอาหารไทยในด้านรสชาติที่เข้มข้นและจัดจ้าน ต้มยำกุ้งเป็นซุปที่มีรสเปรี้ยว เผ็ด และกลมกล่อม โดยมี ‘กุ้ง’ เป็นวัตถุดิบหลัก รวมกับสมุนไพรและเครื่องเทศต่าง ๆ ที่มอบรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์
ต้มยำกุ้งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณของประเทศไทย โดยมีการปรุงอาหารแบบต้มที่ใช้สมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้, ใบมะกรูด, ข่า, พริก, และมะนาว เพื่อเพิ่มรสชาติและประโยชน์ทางสุขภาพ
ตามประวัติศาสตร์อาหารไทย ต้มยำกุ้งมีต้นกำเนิดมาจากอาหารพื้นบ้านของชาวไทยในแถบภาคกลาง โดยเป็นอาหารที่ทำง่ายและใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการปรุง เช่น กุ้งที่หาง่ายในแม่น้ำและทะเล รวมถึงสมุนไพรที่ปลูกตามบ้านเรือน
การปรับปรุงและการเผยแพร่
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ต้มยำกุ้งได้รับความนิยมมากขึ้นและได้มีการพัฒนารสชาติให้หลากหลาย ทั้งการปรับรสชาติเพื่อรองรับผู้ทานต่างชาติ และการสร้างเวอร์ชั่นที่มีความเข้มข้นหรือเปลี่ยนแปลงส่วนผสม เช่น การเติมกะทิลงไปเพื่อเพิ่มความมันและกลมกล่อม หรือการทำเป็นต้มยำกุ้งน้ำข้น
ต้มยำกุ้งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการกินของไทยและได้ถูกนำไปเผยแพร่ทั่วโลก ตั้งแต่ในร้านอาหารหรูหราจนถึงร้านอาหารตามท้องถนนทั่วประเทศ
ความสำคัญทางวัฒนธรรม
ต้มยำกุ้งไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัวและได้รับความนิยมในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในอาหารไทย การผสมผสานของสมุนไพรที่มีคุณสมบัติทางยา เช่น ข่า, ตะไคร้, และใบมะกรูด ยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาการกินที่ใช้ในการดูแลสุขภาพของคนไทยในอดีต
ต้มยำกุ้งจึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารไทยในมุมมองต่างๆ ทั้งในแง่รสชาติและประโยชน์ต่อร่างกาย
ต่างชาติรู้จักต้มยำกุ้งตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20
ต้มยำกุ้งเริ่มได้รับความรู้จักในต่างประเทศเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะในช่วงที่อาหารไทยเริ่มได้รับความนิยมในระดับสากลและแพร่หลายไปยังต่างประเทศ
ปัจจัยที่ทำให้ต่างชาติรู้จักต้มยำกุ้ง:
- การขยายตัวของร้านอาหารไทยในต่างประเทศ: ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา ร้านอาหารไทยเริ่มเปิดในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, และออสเตรเลีย การเปิดร้านอาหารเหล่านี้ทำให้ผู้คนในประเทศเหล่านั้นเริ่มรู้จักและลองชิมต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูหลักที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารไทย
- การเผยแพร่ผ่านสื่อและรายการโทรทัศน์: ในช่วงทศวรรษที่ 1990-2000 มีการเผยแพร่สูตรอาหารไทยในหนังสือและรายการทีวีต่างประเทศ ทำให้ต้มยำกุ้งได้รับความสนใจมากขึ้น รวมทั้งการโปรโมทในภาพยนตร์หรือสารคดีที่เกี่ยวกับอาหารไทย
- การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว: เมื่อมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาประเทศไทยและได้ลิ้มลองอาหารไทย ต้มยำกุ้งก็กลายเป็นเมนูยอดนิยมที่ถูกแนะนำในหลายๆ แหล่งท่องเที่ยว ทำให้กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก
- การปรับตัวให้เข้ากับตลาดต่างประเทศ: การปรับสูตรต้มยำกุ้งให้เหมาะสมกับรสนิยมและวัตถุดิบที่หาได้ในต่างประเทศ ทำให้ต้มยำกุ้งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ได้ง่ายขึ้น บางแห่งจะเพิ่มกะทิลงไปเพื่อทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้นและตอบสนองรสชาติที่ชอบของผู้บริโภคในต่างประเทศ
การรับรู้ในระดับโลก
แม้ว่าต้มยำกุ้งจะไม่ได้ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในต่างประเทศจนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 แต่เมื่อเริ่มเป็นที่นิยมในร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ต้มยำกุ้งก็กลายเป็นหนึ่งในเมนูที่คนทั่วโลกคุ้นเคย จนถึงทุกวันนี้ ต้มยำกุ้งถือเป็นสัญลักษณ์ของอาหารไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
สรรพคุณทางยาของต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้งไม่เพียงแต่เป็นอาหารอร่อยที่ได้รับความนิยมเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยา เนื่องจากใช้สมุนไพรไทยหลายชนิดที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้:
- ข่า
– สรรพคุณ: ข่ามีคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยลดอาการคลื่นไส้ นอกจากนี้ยังมีสารต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ
– วิธีการใช้: ข่าสดมักถูกนำมาปรุงในต้มยำกุ้งเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณทางยาของมัน
- ตะไคร้
– สรรพคุณ: ตะไคร้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังช่วยขับลมในท้องและแก้อาการปวดศีรษะได้
– วิธีการใช้: ตะไคร้จะถูกทุบให้แตกแล้วใส่ลงในต้มยำ ซึ่งช่วยทั้งในเรื่องของการบรรเทาอาการในกระเพาะอาหารและเพิ่มความหอมให้กับน้ำซุป
- ใบมะกรูด
– สรรพคุณ: ใบมะกรูดมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดหัวและคลายความเครียด
– วิธีการใช้: ใบมะกรูดจะถูกฉีกหรือทุบเล็กน้อยเพื่อปล่อยกลิ่นหอมลงในน้ำซุป ช่วยทั้งในด้านการปรุงรสและการบำรุงสุขภาพ
- พริก
– สรรพคุณ: พริกมีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยในการเผาผลาญไขมัน และกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายและลดอาการปวด
– วิธีการใช้: พริกสดมักจะถูกใส่ลงไปในน้ำซุปต้มยำเพื่อเพิ่มรสเผ็ดร้อนและเสริมประโยชน์ทางยา
- มะนาว
– สรรพคุณ: มะนาวอุดมไปด้วยวิตามิน C ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยบำรุงผิวพรรณ อีกทั้งยังช่วยในการย่อยอาหารและช่วยลดความดันโลหิตสูง
– วิธีการใช้: น้ำมะนาวจะถูกบีบใส่ในตอนท้ายของการปรุงต้มยำ เพื่อให้ได้รสเปรี้ยวที่สดชื่นและเพิ่มคุณประโยชน์จากวิตามิน C
- กุ้ง
– สรรพคุณ: กุ้งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงสมอง
– วิธีการใช้: กุ้งสดจะถูกใส่ลงไปในต้มยำเพื่อให้รสชาติหวานจากเนื้อกุ้งและเสริมคุณค่าทางโภชนาการ
ต้มยำกุ้งไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อยและมีรสจัดจ้าน แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายจากสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ช่วยในการย่อยอาหาร, ลดอาการท้องอืด, บรรเทาอาการปวดหัว, และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ดังนั้นการทานต้มยำกุ้งจึงไม่เพียงแต่ได้รสชาติอร่อย แต่ยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยาอีกด้วย