‘ไทยน้ำทิพย์’กางโรดแมปตามโคคา-โคล่า โกลบอล 3 เสาหลัก สำนึกใช้ คืน ฟื้นฟูแหล่งน้ำ สมดุลทรัพยากรโลกที่น่าอยู่
by ESGuniverse, 13 กันยายน 2567
ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่าย 'โคคา-โคล่า' เปิดกระบวนการผลิตใส่ใจสิ่งแวดล้อม และชูนวัตกรรมด้านความยั่งยืน 3 เสาหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และด้านบรรจุภัณฑ์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โดยในส่วนของการผลิตเครื่องดื่มของ”โคคา-โคล่า”(Coca-Cola) มีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายการเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจุบันการใช้ทรัพยากรน้ำในโลกยังขาดสมดุล น้ำหลาก น้ำแล้ง จึงเกิดปัญหาขาดแคลนทรัพยากร และการเข้าถึงน้ำสะอาดบริสุทธิ์
ดังนั้นอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่ม จึงต้องเข้าไปมีส่วนจัดการน้ำเสีย ในกระบวนการผลิตเครื่องดื่ม ด้วยการลงทุนระบบการจัดการน้ำเสีย ไม่ปล่อยน้ำเสียลงสู่ธรรมชาติ ลดผลกระทบต่อชุมขนรอบข้าง และธรรมชาติ สะอาดและปลอดภัย ไม่เกิดความเสี่ยงทางด้านน้ำ เมื่อเกิดน้ำเสีย น้ำขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อสังคม ชุมชน ก็เป็นความเสี่ยงย้อนกลับมากระทบต่อภาคธุรกิจ
เมื่อกติกาโลกกำหนดให้มีการจัดการน้ำเสีย มาตรฐานคุณภาพน้ำ ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ มีความรับผิดชอบต่อสังคมป้องกัน ผลกระทบต่อชุมชน นำไปสู่ความเชื่อถือในแบรนด์
‘โคคา-โคล่า’ กำหนดเป้าหมายบริหารน้ำเสีย
โรงงานทั่วโลก 804 แห่ง
บริษัท โคคา-โคล่า ระดับโลก จึงมีเป้าหมายเข้าไปบริหารจัดการน้ำเสียในโรงงานโคคาโค-โคล่าทั่วโลกที่มีจำนวนกว่า 804 แห่ง พร้อมกับพัฒนาโครงการกำกับดูแลและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ บำบัดน้ำเสีย เพื่อคืนน้ำสะอาดกลับคืบสู่ระบบ 100% เป็นการรักษาทรัพยากรน้ำให้กับชุมชนท้องถิ่น ช่วยในการดูแลสมดุลของสิ่งแวดล้อม มีส่วนยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน กระตุ้นให้โรงงานบรรจุขวดนำกระบวนการและเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียอย่างครบถ้วนมาใช้ภายในโรงงานโดยการลงทุนพัฒนาระบบขนาดใหญ่รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับโคคา-โคล่า ในประเทศไทย โดยบริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอเปอเรชั่นจำกัด ผู้จำหน่ายและผลิตผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ โคลา-โคล่า รับผิดชอบพื้นที่ 63 จังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปีได้เปิดฐานการผลิตในจังหวัดปทุมธานี ที่ใช้ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR (Membrane Bio Reactor) ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพและวางกลยุทธ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ทันสมัยตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนถึงมือผู้บริโภค
โรดแมป 2573 ยังยืนครบมิติ
สินค้า-สังคม-สิ่งแวดล้อม
นางสาวปุณฑริกา สุสัณฐิตพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึงโรดแมปกลยุทธ์ของโคคา-โคล่า ภายในปี 2573 มุ่งมั่นสร้างความสุขและความสดชื่นให้คนไทยควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มีการพัฒนาด้านความยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ และสังคม
โดยด้านสิ่งแวดล้อม มีแผนลดและใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการเติมน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชน มีการจัดการขยะ ส่งเสริมการรีไซเคิลและการลดขยะพลาสติก พร้อมกันกับ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทางด้านผลิตภัณฑ์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มทางเลือกของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำหรือไม่มีน้ำตาล และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน วัสดุสามารถรีไซเคิลได้และลดการใช้พลาสติก
ด้านสังคม สนับสนุนชุมชน ลงทุนในโครงการที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน เช่น การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดและการศึกษาการสร้างความหลากหลายและการมีส่วนร่วมพนักงานและชุมชน ส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม
นวัตกรรมแปลงน้ำสุดล้ำมาตรฐานโลก
นายเทอดพงษ์ ศิริเจน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ไทยน้ำทิพย์ ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้มาตรฐานระดับโลกมาใส่ในทุกกระบวนการผลิตในโรงงานการผลิตที่มี 5 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด จึงได้รับการยกย่องในระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคใต้ในด้านการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันไทยน้ำทิพย์มีสายการผลิตที่ทันสมัยถึง 21 สาย ผ่านกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี
โดยหนึ่งในแนวทางที่ไทยน้ำทิพย์ใช้เพื่อลดการใช้น้ำ (Reduce) คือการดำเนินการผ่านการพัฒนาแอปพลิเคชัน “บำรุง” แพลตฟอร์มคำนวณการใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Reuse) โดยนำน้ำที่ไม่เกี่ยวข้องในการผลิตเครื่องดื่มมาใช้ประโยชน์หลายๆ ทาง รวมทั้งนำน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วมาบำบัด (Recycle) เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น ติดตั้งระบบ Membrane Bio Reactor บำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบ R.O. (Reverse Osmosis) เพื่อนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดจนสะอาดได้มาตรฐานในการกลับมาใช้ใหม่ในขั้นตอนการผลิต (ไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับผลิตเครื่องดื่ม) ซี่งการบริหารจัดการทรัพยากการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2020 -2023) สามารถลดการใช้น้ำจากทั้ง 5 โรงงานได้กว่า 907 ล้านลิตร หรือเทียบเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 363 สระ
“เรามีสายการผลิตที่ทันสมัย 21 สาย มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี โรงงานไทยน้ำทิพย์ ปทุมธานี สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2524 บนพื้นที่ 140 ไร่ มีสายการผลิต 7 สาย รวมถึงสายการผลิตเครื่องดื่มแบบกระป๋องที่มีความเร็วที่สุดในโรงงานผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องในประเทศไทย สามารถผลิตได้ถึง 2,000 กระป๋องต่อนาที”
เป้าหมาย 3 เสาหลัก
โคคา-โคล่า ฟื้นฟูธรรมชาติ
ขณะที่ 3 เสาหลักในการบริหารน้ำของ โคค่า-โคล่า เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ประกอบด้วย
1. น้ำ หัวใจสำคัญในทุกการผลิต บริหารจัดการน้ำด้วย 3R ลดการใช้น้ำ (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และการบำบัด (Recycle) โดยน้ำนวัตกรรมแอปพลิเคชันคนไทย 'บำรุง' มาคำนวณการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ พร้อมวางแผนใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ติดตั้งระบบ Membrane Bio Reactor และ R.O. (Reverse Osmosis) เพื่อบำบัดน้ำเสียให้สะอาดตามมาตรฐานและน้ำกลับ มาใช้ใหม่ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต อาทิ กิจกรรมลดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาด เป็นต้น การบริหารจัดการทรัพยากการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2563 -2566) สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 907 ล้านลิตร หรือเทียบเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 363 สระ
2. แก้วิกฤติสภาพภูมิอากาศ สร้างกระบวนการผลิตลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ไทยน้ำทิพย์ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานทั้ง 5 แห่ง ได้แก่โรงงานรังสิต ปทุมธานีนครราชสีมา ขอนแก่น ทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าสะอาดได้ในอัตราส่วน 10% ที่ใช้ในโรงงาน โดยตั้งเป้าเพิ่ม 15-30% ผ่านการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ว่าง อีกทั้งยังดึงนวัตกรรม EV Forklift มายกสินค้าในคลัง ตลอดจน นำรถจนส่ง EV Truck มาใช้ในการจัดการการขนส่ง พร้อมนำระบบ Telematics มาใช้เพื่อช่วยลดทั้งการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และกล้อง AI ช่วยมอนิเตอร์ความเสี่ยงของพฤติกรรมการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถ ซึ่งลดการใช้พลังงานในปี 2566 ได้ 34.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
3.บรรจุภัณฑ์ หมุนเวียน ลดปริมาณพลาสติก (Reduce) ในบรรจุภัณฑ์ผ่านการ lightweight โดยยังคงรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ทำให้ไทยน้ำทิพย์สามารถลดการใช้เม็ดพลาสติกลงได้กว่า 7,645 ตัน มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิล (Recycle) ได้ 100% เปลี่ยนขวดสไปรท์สีเขียวเป็นสีใส และภายในปี 2568 สามารถนำชิ้นส่วนที่ถูกนำมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ กลับมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์ต่อไป 50% ไทยน้ำทิพย์สนับสนุนการจัดเก็บ รีไซเคิลขวดและกระป๋อง (Collection & Recycling) เพื่อนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต (Close Loop) โดยเฉพาะในกลุ่มขวด PET ที่สามารถเก็บกลับได้มากกว่า 50% ที่จำหน่าย ซึ่งมีแผนงานในการเพิ่มสัดส่วนการใช้บรรจุภัณฑ์ (rPET) ในทุก ๆ ปี