‘เซ็นทรัล ทำ’ พัฒนาผ้าครามบ้านกุดจิก สกลนคร สู่คอลเลกชัน good goods x MOO Bangkok

by ESGuniverse, 22 สิงหาคม 2567

‘เซ็นทรัล ทำ’ โครงการพัฒนาสังคมด้านความยั่งยืน พัฒนาผ้าครามบ้านกุดจิก สกลนคร ต่อยอดป่าชุมชนให้เป็นป่าให้สี จับมือ Moo Bangkok ในเครืออาซาว่า กรุ๊ป ทำงานร่วมกับชุมชน ออกคอลเลกชัน good goods x MOO Bangkok ตอบโจทย์แฟชั่นรักษ์โลก

 

 

ผ้าย้อมคราม คือผ้าที่ย้อมสีด้วยธรรมชาติ มีเฉดสีฟ้าถึงสีน้ำเงินเข้ม นิยมใช้กันแพร่หลายในหลายเขตพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะในเอเชีย เนื่องจากมีองค์ความรู้ปลูกต้นครามและการย้อมคราม สำหรับในประเทศไทย ผ้าย้อมครามมีมากในแถบจังหวัดภาคอีสาน แต่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดคือที่ จ.สกลนคร ที่ปลูกครามและย้อมผ้าเป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ไม่ว่าจะไปหมู่บ้านไหน มักจะเห็นการรวมกลุ่มกันทำอาชีพทอผ้ายอมคราม จำหน่ายในพื้นที่บ้าง บางแห่งก็ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หรือหน่วยงานต่าง ๆ พัฒนาการทำครามรูปแบบใหม่ ๆ ขยายตลาดให้กว้างขึ้น หนึ่งในนั้นคือที่ บ้านกุดจิก ตำบลนาคำ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร

สำหรับหมู่บ้านกุดจิกคนในชุมชนรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่กระบวนการปลูกฝ้าย ปลูกคราม ย้อมสี ทอผ้า มีการร่วมไม้ร่วมมือกันในชุมชนตามความถนัดของแต่ละบ้าน จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสีสัน ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ ประณีตและพิถีพิถัน ที่แฝงไปด้วยเสน่ห์และความเอาใจใส่ของชาวกลุ่มทอผ้าในชุมชนบ้านกุดจิก

กลุ่มเซ็นทรัล หนุนชุมชนผ่านโครงการ ‘เซ็นทรัล ทำ’

ในปี พ.ศ. 2563 ‘เซ็นทรัล ทำ’ โครงการเพื่อสังคมของกลุ่มเซ็นทรัล เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนบ้านกุดจิก ต่อยอดการย้อมครามสู่การย้อมสีธรรมชาติ นำผู้เชี่ยวชาญร่วมฝึกสอนเทคนิคการมัดย้อมชิโบริ หมายถึงเทคนิคการสร้างลวดลายลงบนผ้าด้วยมือ โดยปิดกั้นไม่ให้สีซึมเข้าไปในลายผ้า แล้วจึงนำไปย้อม ด้วยวิธีผูก พับ มัด รัด ผูกเป็นปม หนีบจับ เนาและเย็บ เป็นวิธีที่ทำกันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้สินค้ามีดีไซน์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายรวมถึงด้านอื่นๆ อาทิ ผลิตสินค้ามาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ good goods สนับสนุนพื้นที่การออกบูธในงานจริงใจ มาหา…นคร ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และจริงใจมาร์เก็ต จ.เชียงใหม่

 

 

 

จนมาถึงปี พ.ศ.2567 นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อเซ็นทรัลทำ ได้ร่วมมือกับ ‘หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา’ ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ผู้ก่อตั้งอาซาว่า กรุ๊ป ออกแบบคอลเลกชันพิเศษที่ประยุกต์ใช้เทคนิคมัดย้อม เป็นการคอลแลปส์ระหว่างแบรนด์ good goods x MOO Bangkok ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตลอดจนมีการให้คำปรึกษา สนับสนุนในการสร้างแบรนด์ ‘เฮือนทอ’ ที่เป็นแบรนด์สินค้าของชุมชน ปรับปรุงร้านค้า อาคารสถานที่ โรงย้อมสีธรรมชาติ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจด้านการย้อมครามและสีธรรมชาติ

 

 

 

พัฒนาผ้ายอมคราม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

นาย​พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ‘เซ็นทรัล ทำ’ ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ โครงการด้านความยั่งยืน ของกลุ่มเซ็นทรัล มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะที่นำไปสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าพื้นเมือง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้งในด้านเกษตร งานฝีมือ และการท่องเที่ยวชุมชนที่ยั่งยืน

และหนึ่งในความสำเร็จ คือ การร่วมมือกับชุมชนบ้านกุดจิก อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตผ้าย้อมครามทอมือแบบดั้งเดิม ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การปลูกฝ้ายและคราม ไปจนถึงการย้อมครามด้วยเทคนิคภูมิปัญญาชาวบ้านที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ได้มีการสร้างศูนย์การเรียนรู้ทอผ้าย้อมครามบ้านกุดจิก จ.สกลนคร ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่สืบสานต่อยอดแฟชั่นวิถีไทย สร้างคุณค่าผ่านดีไซน์ให้แก่งานฝีมือภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน

จุดเริ่มต้นของความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากความมุ่งมั่นและตั้งใจของชุมชนบ้านกุดจิก ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามทอมือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ป่าชุมชนทำให้ เซ็นทรัล ทำ ได้เห็นถึงความตั้งใจดีและศักยภาพที่เข้มแข็งของชุมชน จึงผนึกกำลังกับสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.สกลนคร เริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอย้อมครามของชุมชนบ้านกุดจิกให้โดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานเพื่อหาจุดเด่นและเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์

 

 

 

ยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้และการท่องเที่ยวชุมชน

นายพิชัย กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการยกระดับชุมชนบ้านกุดจิกให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น เซ็นทรัล ทำ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ในการพัฒนาผ้าย้อมครามและการย้อมสีธรรมชาติให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้และการท่องเที่ยวชุมชน โดยโครงการเน้นการดำเนินงานใน 3 ด้านหลัก ดังนี้

•โครงการ ป่าให้สี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ผืนป่า สู่ผืนผ้า’ คือ แนวคิดในการปรับปรุงป่าชุมชนให้เป็นพื้นที่รวมพันธุ์ไม้ให้สีย้อมผ้าของชุมชน บนพื้นที่ 18 ไร่ โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลพันธุ์ไม้ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เก็บไว้เป็นฐานข้อมูล และเก็บตัวอย่างใบไม้ ดอกไม้ เปลือกไม้ นำมาทดสอบการให้สีธรรมชาติ เพื่อนำมาเผยแพร่ต่อไปในอนาคต

โดยพันธุ์ไม้ที่พบในป่ามีไม้ยืนต้นหลากหลายพันธุ์มากกว่า 318 ต้น ได้แก่ กระบก, มะพอก, มะขาม, ยางเหียง, หว้า, ยางพลวง, ราชพฤกษ์, ปีบ, มะค่าแต้, ตะคร้อ, เหมือดแอ ฯลฯ ซึ่งการศึกษาข้อมูลพันธุ์ไม้นี้ นอกจากชุมชนจะได้รู้จักพันธุ์ไม้ของตัวเองแล้ว ยังเป็นการเชื่อมโยงการอนุรักษ์ป่าชุมชนและการใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบของชุมชนอีกด้วย

 

 

 

• การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นการคัดเลือกพันธุ์ไม้ในพื้นที่ป่าให้สีนำมาทดสอบการให้สีย้อมผ้า ผ่านกระบวนการกรรมวิธีที่แตกต่างกัน เพื่อให้สีย้อมผ้ามีเฉดสีที่หลากหลายและมีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งจากการทดสอบนำสีย้อมผ้าจากพันธุ์ไม้ในป่าให้สี ได้ 8 เฉดสี อาทิ เพกา ให้สีเหลือง, มะหาด ให้สีชมพู, ฝาง ให้สีแดง, ไผ่กิมซุง ให้สีเขียว, ยอปา ให้สีส้ม, คราม ให้สีน้ำเงิน, สัก ให้สีม่วง และโคลงเคลงป่า ให้สีน้ำตาล

โดยการนำใบ เปลือก หรือราก มาทำเป็นสีย้อมผ้าซึ่งแต่ละครั้งอาจให้สีไม่สม่ำเสมอ ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้นำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการควบคุมคุณภาพและสีสันของผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถผลิตผ้าย้อมครามที่มีสีเสถียรสม่ำเสมอได้ในจำนวนมาก ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้โปรเจ็คพิเศษระหว่าง good goods x Moo Bangkok เกิดขึ้นได้จริง

 

 

 

•การท่องเที่ยวชุมชน เป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ชุมชนในด้านต่างๆ เพื่อรองรับผู้สนใจและนักท่องเที่ยวที่มาเรียนรู้การทอผ้าย้อมครามหรือท่องเที่ยวในชุมชน ได้แก่ การจัดอาหารพื้นถิ่นสำรับภูไทบ้านกุดจิก ขนมและเครื่องดื่มจากข้าวฮาง การต้อนรับดูแลนักท่องเที่ยว กิจกรรม workshop ย้อมผ้าสีธรรมชาติจากป่าให้สี การจัดแพ็กเกจและแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน รวมถึงการบริหารจัดการขยะในชุมชนด้วย


เปิดช่องทางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ good goods

อย่างไรก็ตามเซ็นทรัล ทำ ได้ร่วมสนับสนุนองค์ความรู้ การพัฒนาคุณภาพ การแปรรูปเพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการขายและการตลาด พร้อมเปิดโอกาสเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ good goods ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่าล้านบาทในปี 2566

“ตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่เป็นสินค้าจากชุมชนวางจำหน่าย ทั้งหมวดอาหารแฟชั่น เครื่องหอม ล่าสุดกำลังจะมีเรื่องของจิวเวอรี่ เครื่องประดับ เป็นฟังก์ชั่นนัลที่แปลกใหม่ เช่น กำไร ที่สามารถถอดออกมาแล้วเป็นต่างหูได้ หรือเป็นสร้อยได้ ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่ เหล่านีจะเป็นที่ชื่นชอบแห่นักท่องเที่ยวอย่างมาก” นายพิชัย กล่าว

 

 

 

 

ยกระดับผ้าคราม สู่คอลเลกชัน good goods x Moo Bangkok

สำหรับความร่วมมือกับ MOO Bangkok ในเครืออาซาว่า กรุ๊ป นอกจากบ้านกุดจิกแล้ว ยังได้ร่วมกับอีก 2 ชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าครองวิถี และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติบ้านนางาม

นายพลพัฒน์ อัศวะประภา ผู้ก่อตั้งอาซาว่ากรุ๊ป กล่าวว่า อาซาว่าทำงานร่วมกับเซ็นทรัลกรุ๊ปมานาน มีความคุ้นเคยกันดี การได้ทำงานร่วมกับชุมชน ถือว่าได้เรียนรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสีธรรมชาติที่มาจากคราม เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวบ้านที่น่าสนใจ เป็นการผลิตผ้าที่ใช้ความเป็นธรรมชาติ ใช้วัสดุที่มีในชุมชน ในชุมชนที่เราทำงานด้วย เราดูชุมชนที่มีความพร้อม เชิงพาณิชย์ เพราะลูกค้า good goods เยอะมาก อาจจะทำให้ชุมชนที่เดิมที่ผลิตผ้าเดือนละ 100 เมตร อาจต้องเพิ่มการผลิตเป็น 500-700 เมตร เราก็ต้องมองหาชุมชนที่มีการจัดการและสามารถรองรับการจัดการนี้ได้

 

 

 

ในส่วนของความร่วมมือนี้ได้ผสมผสานเอกลักษณ์ของผ้าย้อมครามแบบดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยในสไตล์ Urban ready to wear ภายใต้คอนเซ็ปต์ Eternal Sunshine ที่สะท้อนความสดใส รอยยิ้ม และพลังบวกจากความสุขที่เรียบง่ายในชีวิต โดยดึงเอาเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาถ่ายทอดผ่านเสื้อผ้า สื่อถึงบรรยากาศอบอุ่นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มให้กัน

ความพิเศษของคอลเลกชันนี้คือการสนับสนุนงานฝีมือไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยทุกเทคนิคที่ใช้ล้วนเป็นกระบวนการธรรมชาติ ทั้งการย้อมสี การเข็นฝ้ายด้วยมือ และการมัดย้อมเส้นใย นอกจากนี้ยังมีการนำผ้า zero waste หรือเศษผ้าที่ถูกทอมาใช้เป็นดีเทลในชุดต่างๆ ซึ่งปรากฏในแฟชั่นไอเทมที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อฮาวาย กางเกงขาสั้น และแจ็กเกต

คอลเลกชันนี้ยังได้สอดแทรกความเป็นไทยเข้าไปในดีไซน์ ผ่านลวดลายเพสลีย์ที่พิมพ์บนผ้าช้าง ซึ่งเป็นคีย์ลุคหลักของคอลเลกชัน รวมถึงเสื้อยืดจากผ้ามัดย้อมที่มีการแต่งแต้มสีสันให้เข้ากับความสนุกสนานแบบไทยๆ โดยมุ่งยกระดับดีไซน์สินค้าไทยให้มีความงามร่วมสมัย โดยเน้นออกแบบให้เป็น unisex ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย พร้อมกับการสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ทั้งยังสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชุมชน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสู่ระดับสากล

 

 

 

“การทำงานร่วมกับชุมชน เราก็ได้เรียนรู้กับชุมชนไปด้วย เพราะการทำเรื่องสีย้อมธรรมชาติ ต้องเข้าใจว่า สีไม่เหมือนเดิมตลอด ถ้าฝนตก อากาศร้อน สีก็เปลี่ยนได้แล้ว ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะสินค้าชนิดใดก็ตาม โดยเฉพาะแฟชั่น ไม่สามารถทำงานโดยไม่นึกถึงวัสดุธรรมชาติ เทรนด์แฟชั่นกับสิ่งแวดล้อม ทุกคนต้องหาสูตรการทำงานที่เหมาะสม ณ เวลานี้เราจะทำงานโดยไม่คิดถึงสิ่งแวดล้อมไม่ได้แล้ว แต่จะปรับเปลี่ยนอย่างไรให้เป็นเชิงพาณิชย์ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ดีไซน์เนอร์ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน จะขยับ 100% เลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเราทำงานกันลักษณะกึ่งอุตสาหกรรม กึ่งวิทยาศาสตร์อยู่”

นายพลพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้บริโภคต้องยอมทำใจ ยกตัวอย่าง เช่น หลอดดูดน้ำที่เปลี่ยนจากพลาสติก เป็นกระดาษ ทุกคนบอกดูดแล้วเหี่ยว มองว่าผู้บริโภคก็ต้องเข้าใจในบางมุม ก็เหมือนกับเสื้อผ้า สิ่งที่เคยสวมใส่ อาจจะไม่ได้สีเหมือนเดิม 100% แล้ว หรืออาจไม่ได้ผ้าเหมือนเดิม แต่หากปรับวิธีคิด เชื่อว่าก็น่าจะค่อย ๆ ขยับไปในทิศทางที่ดีขึ้นในที่สุดแล้ว สิ่งที่ใส่ สิ่งที่กิน ใช้ จะเป็นพิษต่อโลกน้อยลงไปเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ ในส่วนของอาซาว่า กรุ๊ป ไม่ว่าจะทำงานกับองค์กรไหน สิ่งที่นำเสนอคือผ้าเส้นใยธรรมชาติ ผ้าอัพไซคลิ่ง ผ้าที่ทำมาจากวัสดุเหลือใช้ วงการแฟชั่นก็พยายามที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้อยู่ แต่พอทำออกมาราคาก็ยังแพงอยู่ ราคาขยับขึ้น 5-10% เลย ซึ่งทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภคร่วมกันแบกรับภาระเหล่านี้อยู่ อนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า โลกไม่รู้จะร้อนไปถึงไหน เพราะตอนนี้ร้อนจนอยู่ไม่ได้แล้ว ฉะนั้นอยากจะฝากความคิดนี้ให้กับทุกคนบนโลกใบนี้ว่าเรามีหน้าที่รับผิดชอบกับโลกใบนี้ร่วมกันทุกคน

ทั้งนี้ คอลเลกชัน good goods x MOO Bangkok วางจำหน่ายในร้าน good goods ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์โซน Hug Thai, ร้ าน good goods ที่ จริงใจมาร์เก็ต จ.เชียงใหม่ และชั้น G เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า โซน Hug Thai จ.ภูเก็ต หรือช่องทางออนไลน์ที่ Line Official: @aboutgoodgoods รายได้ทั้งหมดจากคอลเลกชันนี้จะนำกลับไปพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการ เซ็นทรัล ทำ ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ