ปตท. ประกาศกลยุทธ์ แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย-เติบโตระดับโลกอย่างยั่งยืน

by ESGuniverse, 21 สิงหาคม 2567

บิ๊กธุรกิจพลังงานไทย เดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืน รับเมกะเทรนด์โลก ‘ปตท.’ ประกาศกลยุทธ์ แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย-เติบโตระดับโลกอย่างยั่งยืน สะท้อนความสำคัญของความยั่งยืน ตอบโจทย์ความสำเร็จธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยบนเวทีโลก ไม่ใช่ทางเลือกแต่คือทางรอด

 

 

ความยั่งยืน คำนี้หลายคนฟังจนชินหู ทว่า เป็นคำสำคัญ ระดับเมกะเทรนด์ที่ธุรกิจทั่วโลก ต่างต้องใส่ไว้เป็นกลยุทธ์ธุรกิจ รวมถึงธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย สะท้อนบทพิสูจน์ว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ ทางรอด ของธุรกิจอย่างแท้จริง

หนึ่งในนั้น คือ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) พี่ใหญ่ธุรกิจพลังงานครบวงจรของไทย ล่าสุดนอกจากจะแถลงผลการดำเนินการครึ่งแรกของปี 2567 ว่า ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 64,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,475 ล้านบาท หรือ 34.4% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังเผยถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ที่สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน’ หรือ ‘TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD’ โดยเร่งสร้างความแข็งแรงและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจ Hydrocarbon (น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ) ที่เป็นธุรกิจหลักของ ปตท. แต่ ดร.คงกระพัน ระบุว่า “จะทำแบบเดิมไม่ได้” ต้องทำควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก และต้องปรับตัวพร้อมรับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

โดยธุรกิจ Upstream and Power จะต้องเร่งขยายแหล่งสำรวจและผลิต ร่วมกับพันธมิตร ที่มีต้นทุนที่แข่งขันได้ รวมถึงการผลักดันการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา (OCA) เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในส่วนของธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจะเน้นการเสริมสร้างการผลิตไฟฟ้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Decarbonize) ให้กับกลุ่ม ปตท. ด้านธุรกิจ Downstream (ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก) นั้น จะต้องปรับตัว และสร้างความแข็งแรงร่วมกับพันธมิตรเพื่อ แสวงหาโอกาสในการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจร่วมกัน

 

 

เร่งสร้าง ESG สอดคล้องบริบทองค์กร

ควบคู่ลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมาย Net Zero

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังระบุว่า ภายใต้แผนธุรกิจดังกล่าว ปตท. มีแผนที่จะสร้างสมดุล ESG ให้เหมาะสมกับบริบทองค์กร ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ผ่านการผลักดันธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฮโดรเจน และการดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Storage : CCS) โดยทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยต้องกำหนดบทบาทหน้าที่ชัดเจน และมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัท ในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมี ปตท. ดูแลภาพรวม

ยกระดับขีดแข่งขัน
มีธรรมาภิบาล สู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้ ปตท. ให้ความสำคัญเรื่อง Operational Excellence หรือ OpEx อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งกลุ่ม อีกทั้งมุ่งเน้นเสริมศักยภาพบุคลากรและการมุ่งรักษาพื้นฐานที่สำคัญ มุ่งเน้นธรรมาภิบาล และการกำกับกิจการที่ดี และการมีความเป็นเลิศทางด้านการเงิน (Financial Excellence) ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการประกอบธุรกิจ

 

 

คงพันธกิจสร้างความมั่นคงพลังงาน
บนหลักการ ความยั่งยืนอย่างสมดุล

นอกจากนี้ ปตท. ยังคงยึดมั่นพันธกิจในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางพลังงานให้แก่ประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง บนหลัก ‘ความยั่งยืนอย่างสมดุล’ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ของประเทศไทย และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน จากนิตยสารฟอร์จูน เซาท์อีสต์เอเชีย 500 (Fortune Southeast Asia 500) รวมทั้งได้รับ 4 รางวัลดีเด่นในระดับภูมิภาคอาเซียน จาก 14th Institutional Investor Corporate Awards 2024 และได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย (CAC) 4 สมัยต่อเนื่อง

 

 

ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม
เคลื่อน ซอฟท์พาวเวอร์ไทย ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมีส่วนร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของประเทศ โดยให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาจำนวน 20 สมาคม ภายใต้งบประมาณ 200 ล้านบาท ส่งเสริมศักยภาพคนไทยสู่สากล ตลอดจนดำเนินโครงการเพื่อสังคมและกิจกรรม เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในปีมหามงคลนี้ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่กำแพงเพชร 6 ริมคลองเปรมประชากร จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ จำนวน 10 ไร่ เปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ

 

 

 

การผลิตหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเสนอโครงการตามพระบรมราโชบายพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน จำนวน 2 เรื่อง โดยมีแผนเผยแพร่อีก 5 เรื่องภายในปีนี้ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมแสดงแสง สี เสียง ลำนำนที วารีสมโภช ณ สวนสันติชัยปราการ รวมถึงกิจกรรมปลูกป่า 72,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 68,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืนโดยพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา

“ปตท. ให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ยึดมั่นภารกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานในระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตขององค์กรในระดับโลกอย่างยั่งยืน” ดร.คงกระพัน กล่าว