กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ตั้งเครือข่าย Harmony วางโมเดล Net Zero สร้างสังคมยั่งยืน

by ESGuniverse, 22 กรกฎาคม 2567

กลุ่มธุรกิจนวัตกรรมและวัสดุก่อสร้าง ก่อตั้งเครือข่าย Harmony ประกาศพันธกิจ ริเริ่มแนวทางสร้างสังคมที่ยั่งยืน เคลื่อนองค์กรเติบโต รับกติกาการค้าโลกใหม่ วางโมเดล Net Zero เริ่มจากวัดปริมาณปล่อยคาร์บอนในองค์กร ลดใช้พลังงาน ปรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล และมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ

 

ข้อมูลจากองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ IEA (International Energy Agency) และ Architecture 2030 เผยว่า วงการก่อสร้างผลิตก๊าซเรือนกระจกในแต่ละปีกว่า 27% ของทั้งโลก และถ้าหากรวมอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างด้วยก็จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึงกว่า 30-40%

ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้กลุ่มธุรกิจที่อยู่ในวงการวัสดุก่อสร้าง และการออกแบบตกแต่งภายใน 9 แห่ง ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ ‘Harmony’ หรือเครือข่ายนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตยั่งยืน ไปพร้อมกับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย

1.บริษัท แทรนดาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Trandar Acoustics) ผู้ประกอบการ Solution ฝ้า และผนังอะคูสติกทุกชนิด

2.บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด (MicroFiber) ผู้ประกอบการ นวัตกรรมฉนวนใยแก้ว ฉนวนกัน ความร้อน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3.บริษัท โอเชี่ยน นิวไลน์ จำกัด (Ocean Newline) ผู้ประกอบการด้าน Shading Solution วัสดุป้องกันแสงแดด

4.บริษัท โซลูแมท จำกัด (Solumat) ผู้ประกอบการ ด้าน Solution Material ศูนย์รวมวัสดุทดแทนธรรมชาติ และวัสดุตกแต่งอย่างครบวงจร

5.บริษัท เอส เจ เพอร์เฟค รูฟ จำกัด (SJJ Group) ผู้ประกอบการ ด้านนวัตกรรมเมทัลชีท หลังคาเหล็ก โครงสำเร็จรูป

6.บริษัท แสงมิตรอีเลคตริค จำกัด (Delight) ผู้ประกอบการ ด้านนวัตกรรมด้านไฟฟ้าและแสงสว่างอนุรักษ์ พลังงานและสิ่งแวดล้อม

7.บริษัท อาร์ติแฟคท์ ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด (Artifact Design Group) ผู้ประกอบการ ด้านเทคโนโลยี วัสดุทดแทน หินและไม้ธรรมชาติ

8.บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด (Kemrex) ผู้ประกอบการ ด้านนวัตกรรมฐานรากรูปใหม่ หรือเสาเข็มเหล็ก ไม่ก่อสร้าง ก่อเสียง ไม่ต้องเจาะ ไม่ต้องขุดดิน

9.บริษัท กะรัต เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบการ ด้านก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์

 

 

 

นายกฤษดา สาธุกิจชัย CEO บริษัท แทรนดาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ Harmony Founder กล่าวว่า Harmony ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2564 เป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างผู้นำธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่อยากจะสร้างความยั่งยืนให้กับโลก โดยจุดเริ่มต้นมีเพียงไม่กี่บริษัท จนกระทั่งในปี 2567 เข้ารวมเป็น 9 บริษัท

โดยทุกแห่งเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ต้องมีแนวคิด หรือทิศทางเดียวกัน ในการที่จะสร้างสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม และแวดวงนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ที่สำคัญจะต้องมีนวัตกรรมที่ดีต่อโลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ภายหลังจากก่อตั้งได้ในระยะเวลา 3 ปี เครือข่ายมีแนวโน้มเติบโตมาก หากดูภาพรวมในปี พ.ศ. 2566 มูลค่าตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท บริษัทในกลุ่ม Harmony รวมกันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 0.5% ของทั้งหมดในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง นับเป็นโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นเป้าหมายของการรวมตัวกันอีกหนึ่งอย่างคือการนำเอาเทคโนโลยี มาส่งเสริมกันและกัน เพื่อให้เติบโต ไปด้วยกันได้

 

 

 

โดยเฉพาะในปีนี้ เทรนด์ความยั่งยืนกำลังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกบริษัทต้องดำเนินการ เพราะจากผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคกว่า 79% ตัดสินใจซื้อสินค้ากรีน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังพบว่า นักลงทุนยังสนใจลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนายั่งยืน ขณะที่ต่างประเทศ ก็เริ่มมีกติกามากมาย ที่บังคับให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ต้องเริ่มวัดการปล่อยคาร์บอนฯ ในองค์กร ทำให้กลุ่ม Harmony ได้วางพันธกิจ และแนวทางที่จะขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด ‘Harmony Green Construction Technology for Sustainability’

พันธกิจจาก Top Line, Bottom Line ถึง Green Line

นายกฤษดา กล่าวต่อว่า สำหรับพันธกิจ Green Construction Technology for Sustainability มีเป้าหมายสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและสร้างสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการวัสดุก่อสร้างที่พูดคุยถึงปัญหาและสาเหตุของการเกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากวงการวัสดุก่อสร้างกว่า 30 % เป็นปัจจัยหลักในการเกิดภาวะโลกร้อน และได้เริ่มแนวทางใหม่เพื่อความยั่งยืนโดยมุ่งเน้นการเติบโตจากทั้งเส้นบน (Top Line), เส้นล่าง (Bottom Line), และการเติบโตสีเขียว (Green Line Growth) พร้อมกับการสร้างโมเดลธุรกิจแบบ Net Zero

โดยการเปลี่ยนแปลงจาก Top Line จะมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งได้ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่มีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลและมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ

การเปลี่ยนแปลงจาก Bottom Line ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุนและลดการใช้ทรัพยากร พัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงาน และการปล่อยของเสีย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

Green Line Growth การเติบโตสีเขียวเป็นหัวใจหลักของแผนยุทธศาสตร์ของ Harmony Group เราได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในทุกภาคส่วนของธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและชุมชนเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

สร้างโมเดลธุรกิจสู่ Net Zero

นอกจากนี้ยังได้สร้างธุรกิจ Net Zero Model โดยวางแผนและดำเนินการดังนี้

1.การประเมินการปล่อยคาร์บอน วิเคราะห์และรายงานการปล่อยคาร์บอนในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจในกลุ่มบริษัท Harmony เพื่อทำให้ได้การรับรอง CFO (Carbon Footprint Product)

2.การลดการปล่อยคาร์บอน ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตและการขนส่งเพื่อเป็น Green Solution Material สำหรับผู้ออกแบบและเจ้าของโครงการให้สามารถเลือกวัสดุได้หลากหลายยิ่งขึ้น

3.การเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ขยายการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมต่างๆ ในกลุ่ม Harmony เรามี Solution solar cell และ Smart lighting

4. การชดเชยการปล่อยคาร์บอน ด้วยการสนับสนุนโครงการปลูกป่าและโครงการชดเชยคาร์บอนอื่นๆ เพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในกลุ่ม Harmony

5.การมีส่วนร่วมของพนักงานและชุมชน ให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานและชุมชน ให้มีความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น

“แผนทั้งหมดเหล่านี้เครือข่ายจะนำมาขับเคลื่อน เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน และหนุนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero”

 

 

 

เริ่มจากวัดการปลดปล่อยคาร์บอนในองค์กร

ด้านนายประเสริฐ ธรรมมนุญกุล CEO บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด (Kemrex) กล่าวเสริมว่า ภาคก่อสร้างถ้าเปรียบเทียบกับต้นไม้ ปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะมนุษย์ปล่อยคาร์บอนมหาศาล ขณะที่ภาคก่อสร้างก็ก่อสร้างไม่รู้จบ ดังนั้นการรวมตัวกันเป็น Harmony จึงต้องการที่จะช่วยกันลดเรื่องคาร์บอน เพราะในภาคส่วนนี้ มีส่วนปล่อยคาร์บอนกว่า 30-40% จึงต้องลดปริมาณการปล่อยลงมาให้ได้ โดยสิ่งสำคัญคือเริ่มวัดคาร์บอนในองค์กรตัวเองก่อน เหมือนเช็กร่างกายตัวเองที่โรงพยาบาล ถ้าสมมุติน้ำตาลเกิน ไขมันเกิน ก็ต้องออกกำลังกาย งดอาหารก็ใช้หลักการเดียวกัน

“วันนี้ไทม์มิ่งของโลกเหลือไม่นานนัก กฏหมายต่าง ๆ ก็ออกมา เช่น Carbon Tax ก็พึ่งออกมา สมมุติปลดปล่อย 3,000 กิโลกรัมคาร์บอน สิ้นปีนี้อาจจะโดนภาษี 200 บาทต่อ 1 กิโลกรัมคาร์บอน หมายความว่าผมต้องควักเงินเกือบล้านบาทให้ใครไม่รู้ ดังนั้นถ้าเราวัดตั้งแต่เนิ่น ๆ เราก็จะรู้ตัวมากขึ้น”