ศึกษาเงื่อนไขก่อนซื้อ “ตั๋วบุฟเฟต์ Air Asia 2,999 บาท บินได้ไม่จำกัด” เหมาะกับใคร มีข้อห้ามอะไรบ้าง คุ้มไม่คุ้ม!
จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายการบินถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก และในขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น ผู้ประกอบการแต่ละรายเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งแต่ละเจ้าต่างงัดกลยุทธ์ทางการตลาดออกมาใช้กันอย่างเต็มที่เพื่อหวังเรียกลูกค้า เพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมายืนได้อีกครั้ง
โดยเฉพาะ “แอร์ เอเชีย” สายการบินชื่อดัง ที่ออกโปรโมชันที่น่าสนใจ คือ ตั๋วบินแบบบุฟเฟต์ “บินทั่วไทยไม่อั้น” (AirAsia Unlimited Pass) ในราคา 2,999 บาท สำหรับการเดินทางทุกเส้นทางภายในประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยทั่วทุกภูมิภาค
โดยเริ่มจำหน่ายวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 5 กรกฎาคม 2563 ระยะเวลาแลกเที่ยวบิน ตั้งเเต่ 29 มิถุนายน-26 พฤศจิกายน 2563 เพื่อเดินทางตั้งเเต่ 20 กรกฎาคม ถึง 17 ธันวาคม 2563

ซึ่งโปรโมชันดังกล่าวเป็นที่สนใจกับประชาชนเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดของเงื่อนไขอีกเป็นจำนวนมากและอาจสร้างความสับสนได้ ซึ่งแอร์ เอเชีย ได้วางเงื่อนไขของโปรโมชันนี้ไว้มากถึง 42 ข้อ โดยเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เดี๋ยวสรุปให้ฟัง” ได้ทำการศึกษาและสรุปเพื่อให้เข้าใจโดยง่าย ระบุว่าเงื่อนไขทั้งหมดจาก 42 ข้อ แบ่งได้เป็น 3 หมวด
โดย หมวดที่ 1 อธิบายว่า โปรโมชันนี้เฉพาะลูกค้าที่มีอายุ “มากกว่า 12 ปีขึ้นไป” ที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไม่จำกัดเที่ยว (unlimited pass) ได้ โดยได้ 1 คน 1 ใบ 1 ชื่อ ไม่สามารถขาย โอน ขอเงินคืน หรือเปลี่ยนชื่อใดๆ ได้ทั้งสิ้น และบัตรบุฟเฟ่ต์นี้เอาไว้เพื่อบิน “ภายในประเทศไทย” เท่านั้น โดยบินฟรีเฉพาะค่าโดยสาร แต่ไม่รวมค่าภาษีและค่าธรรมเนียม (ปกติประมาณ 150 บาท) หรือสัมภาระเสริมที่ซื้อเพิ่มต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราซื้อตั๋วโปรโมชันนี้ แล้วจะบินไปภูเก็ต จองวันบินแล้วก็จ่ายค่ากระเป๋าเดินทางที่ราคา 500 บาท รวมกับค่าธรรมเนียมและภาษีอีกประมาณ 150 บาท สรุปแล้วต้องจ่ายเพิ่มสำหรับเที่ยวนี้อีกประมาณ 650 บาท (500+150) แต่ถ้าไม่เอากระเป๋า ก็จ่ายแค่ 150 บาท
ส่วน หมวดที่ 2 จะเป็นเรื่องของการใช้ ระบุว่าเมื่อสามารถซื้อตั๋วที่จำกัดเพียง 100,000 ใบมาได้แล้วนั้น การใช้สิทธิ์เมื่อต้องการจะบินต้องผ่านดำเนินการผ่าน “แอปพลิเคชัน” หรือ “เว็บไซต์” ของ Air Asia เท่านั้น คือต้องทำธุรกรรมทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด โดยจะใช้ได้เฉพาะเที่ยวที่กำหนดสัญลักษณ์ “ส่วนลด 100%” เท่านั้น ซึ่งเราไม่อาจทราบได้ว่าจะเป็นเที่ยวเช้าสุด กลางวัน หรือดึกสุด ต้องคอยเช็กในระบบในวันที่เราต้องการจะบินอีกที และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย “21 วัน” ก่อนเดินทาง รวมทั้งไม่สามารถจองมากกว่า 2 เที่ยวบินภายในวันเดียวกัน และห้ามเป็นเมืองต้นทางเมืองเดียวกันด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากอยู่ที่ “เชียงใหม่” แล้วบินเข้า “กรุงเทพฯ” ตอนเช้า จากนั้นช่วงเที่ยงบินไป “ภูเก็ต” ต่อ แล้วบินกลับเชียงใหม่ช่วงค่ำ (รวมบิน 3 เที่ยว) ลักษณะแบบนี้ทำไม่ได้ เพราะจะบินสูงสุดได้ 2 เที่ยวต่อวันเท่านั้น
และ หมวดที่ 3 คือเรื่องข้อห้าม ซึ่งแอร์เอเชียกำหนดไว้ว่า ถ้าจองแล้วไม่มาบินเกิน 3 ครั้ง บัตรบุฟเฟต์นี้จะถูกยกเลิก ที่สำคัญก็คือมีวันที่ห้ามบิน ซึ่งจะเป็น peak period และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ ได้แก่ 23-29 ก.ค. / 11-16 ส.ค. / 9-14 ต.ค. / 22-27 ต.ค. / 29 ต.ค. – 3 พ.ย / และ 3 – 15 ธ.ค.63
นอกจากนี้ “เดี๋ยวสรุปให้ฟัง” ได้เพิ่มเติมข้อมูลอีกว่า โปรโมชันนี้จะคุ้มค่าสำหรับผู้ที่เดินทางและไม่ค่อยมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กอายุไม่ถึง 12 ปี ที่ต้องเดินทางพร้อมกันทั้งครอบครัว และยังมีความเสี่ยงในเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 เพราะหากกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ต้องมีการระงับการบินอีกรอบ ตั๋วที่ซื้อไว้ก็นำมาใช้ไม่ได้ ซึ่งต้องอยู่ที่วิจารณญาณของผู้บริโภคซึ่งต้องคิดให้รอบคอบเพื่อความคุ้มค่าที่สุดก่อนตัดสินใจ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชัน Airasia
ข่าวที่น่าสนใจ
สู้แข่งขันไม่ไหว แถมโดนโควิด-19 ซ้ำ “นกสกู๊ต” ประกาศเลิกกิจการ
