แห่ผ้าห่มพระประธานหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา วัดหัวคู้ ประเพณีสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นวันมาฆบูชา
หนึ่งในประเพณีประจำถิ่นที่เชื่อมโยงกับพุทธศาสนาในวันมาฆบูชาคือ งานประเพณีแห่ผ้าห่มหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา ซึ่งมีกำหนดขึ้นในวันมาฆบูชาของทุกปี หรือตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ และในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งประเพณีนี้มีความเชื่อว่าการถวายผ้ากาสาวพัสตร์จะได้กุศลมากและเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งถือเป็นการจัดงานที่เป็นมหากุศลยิ่งใหญ่ อันเป็นประเพณีประจำปีของท้องถิ่นศีรษะจรเข้น้อย “จากแรงศรัทธาชาวบ้านสู่งานประเพณี” จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวตำบลศีรษะจรเข้น้อยและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
ประเพณีแห่ผ้าห่มหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา เริ่มต้นจากมีขบวนแห่ผ้าห่มจากองค์การบริหารส่วนตำบลศีรษะน้อยจนถึงวัดหัวคู้ ประกอบด้วย ขบวนทหารพระเจ้าตาก ขบวนกลองศึก ขบวนตุงตราธรรมจักร ขบวนรำถวายหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา ขบวนตุงปลาตะเพียน ขบวนรถบุปผาชาติหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา ตามด้วยขบวนแห่ผ้าห่มที่ชาวบ้านช่วยกันถือยาวประมาณ ๒๐ เมตร ขบวนแตรวงใหญ่ และมีขบวนประกอบอื่นๆ เช่น ขบวนรำและแต่งชุดไทยมาร่วมด้วย เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มอสม. สมาชิกอบต. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ชมรมบาสโลบ เป็นต้น
การจัดขบวนจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกปี จนมาถึงวัดหัวคู้ก็ถือว่าเสร็จพิธีในช่วงเช้า จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงจะเริ่มพิธีเปิดงานแห่ผ้าห่มพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเป็นประธานในพิธีเปิด จึงนำผ้าห่มมาแห่เวียนรอบพระอุโบสถ ๓ รอบ เสร็จแล้วจะมีการรำถวายหน้าองค์หลวงพ่อเขียวจากชมรมต่างๆ จากนั้นเริ่มพิธีสงฆ์สวดเจริญพุทธมนต์ แล้วนำขึ้นห่มองค์หลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา และพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถถือเป็นเสร็จสิ้นพิธี
นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวด้วย อาทิ กล้วยทอดสูตรโบราณ ร้อยพวงมาลัยดอกไม้สด แกะสลักผักผลไม้ การประดิษฐ์ว่าวจุฬา
ประวัติหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโภควา
หลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา ถือเป็นพระเก่าแก่ก่อนสมัยกรุงธนบุรีที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา โดยมีประวัติความเป็นมาว่า ในสมัยที่ประเจ้าตากสิน ได้เข้ามาช่วยสงครามในการรบกับพม่า และตีฝ่าวงล้อมของพม่าออกไปทางทิศตะวันออก และตลอดระยะทางมีผู้คนรี้พลเข้าร่วมมากจึงเป็นกองทัพ และเดินทัพผ่านทุ่งสีกัน (ดอนเมืองปัจจุบัน) และผ่านหมู่บ้านหัวคู้ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่ามีทำเลเหมาะที่จะพักทัพ เพราะมีแม่น้ำลำคลองล้อมรอบ ยากที่ข้าศึกจะเข้าโจมตีได้
ในระหว่างพักทัพนั้น พระองค์ได้สะสมเสบียงอาหารและรวบรมไพร่พลเพิ่มขึ้น จนพระองค์ทรงเห็นว่าเป็นเวลาสมควรแล้ว จึงยกทัพไปเมืองจันทบุรี ก่อนจะเคลื่อนทัพ พระองค์เล็งเห็นความสำคัญของสถานที่บ้านหัวคู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะมีคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า พระองค์จึงตั้งจิตอธิฐานว่า ในภายภาคหน้าขอให้สถานที่นี้เป็นวัดในอนาคต และพระองค์ทรงมอบพระพุทธรูปโลหะ ๑ องค์ ไว้เป็นที่ระลึก
ชาวบ้านหัวคู้เล็งเห็นว่าพระพุทธรูปโลหะนี้มีค่ายิ่งนัก จึงได้สร้างพระพุทธรูปปั้นครอบองค์โลหะไว้เพื่อกันขโมยลัก ประดิษฐานไว้ ณ บ้านหัวคู้ ชื่อว่าหลวงพ่อเขียว เพราะพระเจ้าตากสินได้ให้ทหารชื่อว่านายเขียวเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินต่างๆ ที่ฝังไว้ ต่อมาภายหลังหลวงพ่อบุญปลูกมาเป็นเจ้าอาวาสจึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์ ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ และถวายพระนามว่า “หลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา” ปัจจุบันองค์หลวงพ่อได้ประดิษฐานไว้ในวิหาร ณ วัดหัวคู้
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
- Bangkok Booking Bus รถบัสพักได้ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
- “งาดำ” ประโยชน์มากมาย บำรุงร่างกายจนคาดไม่ถึง
- “1975 Diet” เคล็ดลับการกินอาหารเพื่อสุขภาพของชาวญี่ปุ่น
- อาหารเสริม วิตามิน ไม่ใช่ยาวิเศษในการรักษาโรคตา
