วงเสวนาชี้วิกฤตแม่น้ำโขง ผลกระทบความเปลี่ยนแปลง ส่งผลกว้างในทุกมิติ

วงเสวนาชี้วิกฤตแม่น้ำโขง ผลกระทบความเปลี่ยนแปลง ส่งผลกว้างในทุกมิติ

วงเสวนาน้ำโขง ทั้งนักวิชาการและชาวบ้านชี้ การเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำสร้างความเสียหายทุกมิติ ทั้งชีวภาพ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเกษตร!

แม่น้ำโขง เส้นเลือดใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับหลายร้อยปี วงจรชีวิตและชีวภาพ ต่างเติบโตเกื้อกูลกัน รวมทั้งหลอมรวมวัฒนธรรมต่างๆเข้ากับสายน้ำอย่างกลมกลืน
พึ่งพิง อิงอาศัย สอดคล้อง ตลอดมา

แต่นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในตอนบนของแม่น้ำโขง เจ้าของพื้นที่ก้าวกระโดดในการพัฒนา การสร้างเขื่อนมากมาย จึงกลายมาเป็นจุดพลิกผันของสายน้ำแห่งนี้

คำถามคือ นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบ หรือไม่?

ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ได้จัดกิจกรรมเสวนา“จาก โขงท่วมหน้าแล้ง แห้งหน้าฝน สู่โขงสีคราม : ปัญหา ผลกระทบ และความรับผิดชอบ” เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมาณ สำนักงานกลางนักเรียนคริสเตียน (สะพานหัวช้าง) เพื่อพุดคุยถึงผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบทศวรรษนับแต่การพัฒนาไปสู่ความยิ่งใหญ่ของประเทศตอนบน

 

มนตรี จันทวงศ์ กลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำโขงนั้น จากแผนการของจีนที่จะสร้างเขื่อนในตอนบนของแม่น้ำโขง 37 เขื่อน ในเบื้องต้นสร้างเสร็จแล้ว 11 เขื่อน มีปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ 4 หมื่นล้านลูกบาศ์กเมตร ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำโขงที่ไหลผ่านเชียงแสนกว่า 90 % และอัตราส่วนปริมาณน้ำที่ไหลผ่านตอนล่างของแม่น้ำก็จะลดทอนต่ำกันลงไป อิทธิพลของเขื่อนในประเทศจีน ทำให้ปริมาณน้ำที่วัดได้ที่สถานที่วัดน้ำที่เชียงแสน แปรปรวนตลอดเวลา และที่สร้างเสร็จแล้วอยู่ในประเทศไทยทั้ง 7 เขื่อน ในประเทศอื่นๆมีแผนที่จะสร้าง

‘ความจริงน้ำที่ท่วมหน้าแล้ง ไม่ใช่เพิ่งจะมีในปีนี้ แต่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ในปีนี้นั้น ระดับน้ำมีความขึ้นลงตลอดเวลา และช่วงที่น้ำจะท่วมเริ่มตั้งแต่มกราคมจนถึงพฤษภาคม และเมื่อเข้าฤดูฝน ระดับน้ำโขงจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาโดยตลอด โดยระดับจะอยู่ที่ 5-6 เมตร ในปีนี้วัดได้เหลือเพียง 3 เมตรเท่านั้น’

นอกจากนี้ มนตรี ยังบอกอักว่า ปัญหานี้กระทบต่อเกษตรกรที่อยู่ริมแม่น้ำที่ต้องรับภาระด้วยตัวเอง เมื่อน้ำท่วมไปแล้ว ก็ต้องหาทางซื้อเมล็ดพันธุ์ปลูกใหม่เอง รวมทั้งแก่งคุดคู้ สถานที่สวยงามในฤดูแล้งก็ได้ถูกน้ำท่วมไป เขาอธิบายให้ชัดว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะจิ้มลงไปที่ไหนของภาคอีสานน้ำโขงท่วมทุกที่
นอกจากนี้ ยังได้อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นต่อเส้นเลือดใหญ่ของภูมิภาคว่า ในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่ปลากำลังขึ้น พื้นที่แม่น้ำสาขาเป็นพื้นที่สำหรับผสมพันธุ์วางไข่ เมื่อมีสถานการณ์นี้เกิดขึ้น การเติบโตของปลาวัยอ่อนมันก็หายไป รวมทั้งเกิดปัญหาตลิ่งทรุดอีกด้วย

ทั้งยังเจอกับหอยตาย เพราะน้ำแล้ง ปัญหาอีกอย่างคือการที่ปลาอพยพผิดฤดู เพราะปลาบางพันธุ์จะอพยพในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ แต่ปัจจุบันเขามาตั้งแต่เดือนตุลาคม เพราะชาวบ้านมีการจับปลาได้แล้ว ในคาวมเป็นจริงจากข้อมูลจะพบปลาบางพันธุ์จะขึ้นมาในช่วงหน้าแล้ง ดังนั้นจากเรื่องนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตปลาในระยะยาว

 

สุริชัย หวันแก้ว จากศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เราอยู่ในโลกที่ความสันติภาพไม่ใช่แค่เรื่องของสงคราม แต่มันเป็นเรื่องความร่มเย็นไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ พันธุ์ปลา เราเอาศูนย์การความสันติภาพไปอยู่ในเรื่องการเมือง สงคราม ความมั่นคง แต่ความมั่นคงในยุคใหม่นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจกัน
‘ความมั่นคงยุคใหม่ที่กำลังพูดถึงนี้ มันเป็นเรื่องที่จะต้องมาคิดกันว่า มนุษย์จะอยู่อย่างไรกับสิ่งแวดล้อม คนไทยอยู่อย่างไรกับแม่น้ำโขง ประเทศไทยที่เป็นประธานอาเซียน ดูแลเรื่องการลงทุนของไทยที่เกี่ยวกับแม่น้ำโขงให้ดีอย่างไร ความมมั่นคงยุคใหม่ ไม่ใช่ปล่อยให้คนได้รับผลกระทบในพื้นที่ห่างไกลเป็นเรื่องของเขา’

 

วงจรชีวิตปลากำลังวิกฤต
ด้าน ชวลิต วิทยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมง กล่าวว่า ความมั่นคงด้านชีวิภาพ มีผลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ จากการศึกษาแม่น้ำโขงมาอย่างยาวนาน ลำน้ำสายนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์ปลากว่า 900 ชนิด ทั้งหมดเป็นปลาน้ำจืด มีแหล่งสำหรับวางไข่ของปลาบึก ที่บริเวณคอนผีหลง รวมทั้งมีที่ดอนเตย จ.บึงกาฬบ้าง มีพันธุ์ปลาคือปลาสวยสอ ของเวียดนาม จะข้ามเขตมาวางไข่ในเขตประเทศไทยและลาว ประมาณกลางปี ช่วงกรกฎาคมเป็นต้นไป

‘ในแม่น้ำโขงมีปลาใกล้สูญพันธุ์ไปจากโลกประมาณ 5 ชนิด เกิน90% ได้แก่ ปลาบึก ปลาเริม สำหรับปลาเริมสูญพันธุ์ไปจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 40-50ปี ที่เหลือในลุ่มน้ำภาคกลางคือแม่น้ำป่าโมก นอกจากปลาแล้ว ยังมีความหลากหลายในนกน้ำจำนวนมาก หลายชนิดตกอยู่ในบัญชีแดง สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ‘

ที่น่าตกใจ ชวลิต เปิดเผยถึงพันธุ์ปลาอีกชนิดในแม่น้ำโขง คือ ปลาข่า ในปัจจุบันเหลือไม่ถึง 100 ตัว ซึ่งอาจจะมาจากการติดแหไปก็ได้ ในส่วนของประเทศกัมพูชา ยังมีพันธุ์ปลาที่ต้องได้รับการอนุรักษ์ ได้แก่ ปลาโลมาน้ำจืด ซึ่งเป็นจุดขายในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

นอกจากนี้ ชวลิต ยังได้ตั้งข้อสังเกตเชิงคำถามมายังหน่วยงานรัฐด้วยว่า ในเมื่อเราสามารถมีเงินที่จะไปดูแลเรื่องหมีแพนด้ามาได้แล้ว ทำไมถึงไม่เคยจัดสรรเงินให้กับกลุ่มหรือชาวบ้านที่อนุรักษ์พันธุ์ปลาแม่น้ำโขงบ้าง

ชาวบ้านกระทบหนักทั้งเกษตร-การค้าขาย
อำนาจ ไตรจักร์ ตัวแทนชาวบ้านจากจ.นครพนม บอกเล่าว่า ตื่นเช้ามาก้อยู่กับแม่น้ำโขง ตลอดชีวิตอยู่กับลำน้ำสายนี้ ไม่เคยเห็นปลาที่ขึ้นผิดฤดู หลายคนอาจจะเห็นภาพข่าวแก่งคอนโคน ที่พี่น้องไปจับปลากัน และได้ปลาย่างวันหนึ่งมากถึง 400-500 กิโลกรัม ในความดีใจที่ได้รายได้ คนถ่ายรูปเผยแพร่กัน ตนได้นำป้ายไปปักห้ามจับ เพราะมันมีส่วนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอาหาร แม้จะมีคนทักท้วงว่าเป็นปลาหลงฤดู ตนยืนยันว่าไม่ใช่ปลาหลงฤดู แต่เป็นธารรมชาติของมันตรงไหนอยู่รอดได้ มันก็ไปหาที่อยู่

‘ผลกระทบอีกอย่างที่นครพนม มีเรือสำราญ เรือท่องเที่ยว มีลานพญานาค จากสมัยก่อน สามารถพานักท่องเที่ยวล่องเรือชมทิวทัศน์ริมฝั่งโขง ชมทิวเขาฝั่งลาว ตอนนี้ไปไม่ได้แล้ว เรือขนถ่ายสินค้าจากลาว ที่จะมาซื้อของบริเวณหน้าด่าน ตอนนี้เรือไม่สามารถเข้ามาได้ ต้องจอดกลางน้ำ ใช้เรือเล็กเข้ามาแทน ใช้สะพานมันก็แพง ค่าขนส่งจะถูกก็เพิ่มขึ้นไปอีก ระยะเวลาขนถ่ายสินค้าก็มากขึ้น ด้านการท่องเที่ยว ฝั่งตรงข้ามพระธาตุพนม คือ ปากน้ำเซ ไปมาสะดวก มีวันที่ผ่อนปรน พี่น้องลาวก็นำสินค้ามาขายได้ ปัจจุบันต้องอ้อมไปเกือบ 2 กิโลเมตร เพื่อให้พ้นสันดอน แล้วจะบรรทุกของมาขาย จะบรรทุกมากไม่ได้ เพราะหากบรรทุกมากเรือก็กินน้ำลึก ปกติขนสินค้าเพียง1-2 เที่ยว ปัจจุบันต้องเพิ่มระยะเวลาขนสินค้ามากขึ้นและต้องวิ่งไกลขึ้นไปอีก นี่คือผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม จากปกติเราจะจะมีประเพณีแข่งเรือยาว ก่อนจะไปแข่งใหญ่ในช่วงออกพรรษาก่อนไหลเรือไฟ ทุกวันนี้ไม่สามารถซ้อมหรือจัดแข่งได้เพราะน้ำไม่มี หรือไม่เหมาะสม ด้านการเกษตร ปกติอย่างผมและคนริมโขงก็เพาะปลูกริมน้ำแป็นอาชีพอยู่แล้ว หน้านี้เป็นช่วงปลูกมะเขือเทศ สมัยก่อนปลูกผักริมโขงไม่ต้องใช้ปุ๋ยเลย เพราะตะกอนดินมีความสมบูรณ์ แต่ทุกวันนี้ปลูกแทบไม่ได้ ‘

 

อ้อมบุญ ทิพย์สุนา สมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน บอกว่าตนเป็นยุคแม่น้ำโขงและผูกพันในฐานะนักท่องเที่ยว ในช่วงหน้าแล้งจะพาครอบครัวไปพักผ่อนในช่วงหน้าแล้ง หลังเลิกเรียน สมัยมัธยมปลาย ก็จะไปเที่ยวหาดจอมมณี ที่หนองคาย มีความสวยงามเท่ากับแก่งคุดคู้ ที่อ.เชียงคาน จ.เลย แต่ตอนนี้มันหายไป6-7ปีแล้ว ตลอดแนวโขงมีหาดขึ้นชื่อมากมาย นักดนตรีเอาไปทำเพลง มีการสร้างหนัง จำนวนมากที่เกี่ยวกับความรักริม 2 ฝั่งโขง แต่ตอนนี้เหลือแต่ชื่อ

‘เรามีอาชีพมีแหล่งค้าขาย ในอดีตหน้าร้อนช่วงสงกรานต์เราลงทุนตั้งร้านขายอาหารส้มตำ ขายเก้าอี้ เช่าห่วงยาง ให้นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในอดีต ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมด เริ่มต้นสงกรานต์ในปี 2556 น้ำท่วมช่วงสงกรานต์ ขยับร้านหนีตลอด 3-4วัน จากนั้นเป็นต้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พอมาเทศกาลลอยกระทง ชาวบ้านจะทำกระทงขาย กลับไม่มีน้ำ’

นอกจากนี้ อ้อมบุญ ยังกล่าวอีกว่า ผลกระทบมันไม่ได้หยุดแค่เรื่องปลาและการเกษตร แต่มันกระทบไปหมดทุกๆมิติ ยกตัวอย่างบ้านหมู่ที่41 อ.เชียงคาน จากที่เคยปลูกผักหาปลา ชาวบ้านต้องเปลี่ยนไปกู้เงินจากธกส.หรือจากธนาคารเพื่อมาทำโฮมสเตย์ เพราะจะมีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมความงาม แต่ทุกวันนี้หาดริมโขงหายไป นักท่องเที่ยวไม่มา ชาวบ้านที่ลงทุนไปแล้วก็กลายเป็นผู้รับผลกระทบ

สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างในฉากแรกของความหายนะที่กำลังก่อตัว
มันจะไม่เกิดขึ้น หากได้รับการแก้ไข อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม!!!

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ตะลึง!“ปลากระจู๋” นับพันเกยตื้นเต็มหาดแคลิฟอร์เนีย