ทำความรู้จัก “โป๊ปฟรังซิส” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งโรมันคาทอลิก ผู้มีชีวิตสมถะ ทรงเป็น “พลังแห่งความสมดุล” ด้วยพันธกิจแห่งความรัก ศูนย์รวมใจคริสตจักรชน
ในห้วงวันที่ 21-23 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของคริสต์ศาสนิกชนชาวไทย รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคน เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งคริสตจักร มีกำหนดเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จเยือนไทยตามคำเชิญของรัฐบาล และสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เนื่องในวาระการฉลอง 350 ปีแห่งการสถาปนามิสซังสยาม และครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน ในโอกาสปีแห่งมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนป็นการจาริกเพื่อสันติภาพและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศาสนา ทั้งยังกระชับความสัมพันธ์ทางทูตระหว่างไทยและวาติกันที่มีมายาวนาน
ประวัติ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิม ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ Jorge Mario Bergoglio พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 ในกรุงบัวโนสไอเรส ปัจจุบันอายุ 83 ปี มีพี่น้อง 5 คน เป็นบุตรของคนงานทางรถไฟ ทรงเข้าศึกษาในสามเณราลัย พระองค์ได้ปฏิญาณตนเป็นนักบวชคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยสุอิต) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1958


ด้านการศึกษาทรงได้รับใบรับรองด้านสาขาวิชาปรัชญาจาก Colegio Máximo San José ต่อมาพระองค์ได้ทรงสอนวิชาวรรณกรรมและจิตวิทยาที่ colegio de la Inmaculada และ Colegio del Salvador
ในปี ค.ศ. 1967 ทรงจบการศึกษา แล้วรับศีลบวชเป็นบาทหลวงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1969 ทรงทํางานสอนที่มหาวิทยาลัยซานมีเกล (San Miguel) จนดํารงตําแหน่งเป็นศาสตราจารย์ทางเทววิทยา
ช่วง ค.ศ. 1973-1979 ทรงดํารงตําแหน่งอธิการเจ้าคณะแขวงคณะเยสุอิตในประเทศอาร์เจนตินา แล้วย้ายไปเป็น อธิการสามเณราลัยซานมีเกล จนถึงปี ค.ศ. 1986

สมณศักดิ์
คุณพ่อฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ ได้รับการอภิเษกเป็นพระสังฆราชผู้ช่วยแห่งบัวโนสไอเรส และได้สืบตําแหน่ง เป็นพระอัครสังฆราชแห่งบัวโนสไอเรส วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหลายหน่วยงานของสันตะสํานัก
การขึ้นดํารงตําแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงสละตําแหน่งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ได้มีการจัดการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา โดยกําหนดให้มีขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ.2013 การเลือกตั้งสำเร็จลงวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.2013 หลังจากการลงคะแนนเสียงครั้งที่ 5 โดยพระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิออกเสียงจํานวน 115 ท่าน ผลปรากฏว่า พระคาร์ดินัลฮอร์เก แบร์โกลิโอ พระอัครสังฆราชแห่ง บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้รับเลือก และทรงเลือกพระนาม “ฟรังซิส” ซึ่งหมายถึงนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี

นับเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาและคณะเยสุอิต และเป็นองค์แรกในรอบ 1,300 ปี ที่ไม่ได้เป็นชาวยุโรป นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรี่ ที่ 3 ชาวซีเรีย เมื่อปี ค.ศ.731 และถือเป็นพระสันตะปาปาที่ไม่ได้เป็นชาวอิตาเลียนคนที่ 3 ติดต่อกัน
สื่อทั่วโลกปลื้ม สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพบปะสื่อมวลชนจากทั่วโลกอย่างเป็นทางการนั้น ได้ทรงสร้างความประทับใจ ให้กับสื่อส่วนใหญ่ ด้วยความเป็นกันเองและความอบอุ่นของพระองค์

สมเด็จพระสันตะปาปา ได้ทรงเล่าถึงเหตุการณ์และความรู้สึกของพระองค์ในช่วงเวลาประชุมลับ ซึ่งพระองค์ได้รับเลือก และยังเผยที่มาในการเลือกใช้ชื่อ ฟรังซิส ว่า เป็นเพราะพระคาร์ดินัลจากบราซิลบอกกับพระองค์ว่า อย่าลืมคนยากจน เมื่อคะแนนโหวตออกมาว่าทรงได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ จึงทรงนึกถึงนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี พระองค์ทรงขอให้พระศาสนจักรและสื่อทํางานร่วมกัน เพื่อรายงานถึงความจริง ความงาม และความดี
ชีวิตสมถะ
การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เป็นคุณสมบัติสําคัญที่ได้รับการยกย่องชื่นชม เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรสเป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทรงมี พระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม โดยสารรถไฟใต้ดิน รถประจําทาง เหมือนคนทั่วไป และเมื่อเสด็จไปกรุงโรมก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด เมื่อเสด็จมายังกรุงโรม พระองค์มักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล

“พลังแห่งความสมดุล”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็น “พลังแห่งความสมดุล” แก่พระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ด้วยทรงมีความเชื่อว่าพระศาสนจักรควรมีบทบาทในการเผยแผ่ศาสนา เข้าถึงประชาชน และมีความกระตือรือร้น
หลังจากได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา พระองค์ทรงเริ่มภารกิจแรกด้วยการเสด็จไปสวดภาวนาและวางช่อดอกไม้ ภายในมหาวิหารแม่พระ และทรงอธิษฐานต่อหน้าแท่นบูชานักบุญอิกญาซีโอแห่งโลโยลา ผู้ก่อตั้งคณะเยสุอิต คณะนักบวชที่พระองค์ทรงสังกัดอยู่ก่อนหน้านี้
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงมีพระดํารัสเรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกันปฏิรูปพระศาสนจักรอย่างเป็นระบบ เพื่อมิให้นิกายโรมันคาทอลิกต้องเสื่อมเสียความศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณมากไปกว่านี้ จนในอนาคตอาจเหลือสถานะไม่ต่างอะไรจาก “องค์กรการกุศล”
การเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญของประเทศที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับคริสตจักรที่มีมายาวนานกว่า 475 ปี

ข้อมูลจาก : popevisitthailand
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“โป๊ปฟรังซิส” เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ไทย-วาติกัน” แน่นแฟ้น
