ศุลกากรสนามบินคุมตัวแอร์โฮสเตสสาวสายการบินไทย พบมีสินค้าแบรนด์ซ่อนอยู่ตามตัวหลายรายการ ลักลอบหนีภาษีและลอบนำเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายหลายรายการ
ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตรวจจับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือ แอร์โฮสเตส สายการบินไทย หลังพบว่าแอบลักลอบนำสินค้าแบรนด์เนมเลี่ยงภาษีเข้ามาในประเทศ ด้วยการใช้วิธีซุกซ่อนสินค้าเอาไว้ตามร่างกาย โดยตรวจพบเข็มขัดแบรนด์ดังรัดอยู่ที่เอวจำนวนหลายเส้น
นอกจากนี้ยังตรวจพบบางชิ้นส่วนถูกยัดเอาไว้บริเวณแขนเสื้อและเสื้อชั้นในตรงหน้าอก และเมื่อตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระของพนักงานก็พบว่ามีสินค้าแบรนด์อีกหลายรายการซุกซ่อนเอาไว้อยู่เช่นเดียวกัน เบื้องต้นพบว่าพนักงานต้อนรับสาวรายนี้ เพิ่งปฏิบัติหน้าที่มากับเที่ยวบินที่เพิ่งกลับมาจากประเทศอิตาลี

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ ศุลกากรได้ตรวจจับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงของการบินไทยที่นำสินค้าเกินจำนวนที่ศุลกากรกำหนดเข้าประเทศและเลี่ยงการเสียภาษีอย่างถูกกฏหมาย โดยเดินทางมาจากประเทศอิตาลีว่า กรณีนี้การบินไทยเป็นคนชี้เป้าให้ศุลกากรดำเนินการจับกุมเอง
เนื่องจากผู้บริหารการบินไทยและผู้ใหญ่ทั้งหมด มีนโยบายที่ชัดเจนและค่อนข้างซีเรียสว่าจะต้องจัดการกับเรื่องการลักลอบนำสินค้าผิดกฎหมายเข้ามาไทยอย่างจริงจัง เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงให้กับองค์กร ในส่วนของบริษัทฯ มีบทลงโทษพนักงานที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ตามระเบียบของบริษัทฯ ซึ่งโทษสูงสุด ถึงขั้นไล่ออก
ด้านนายสุธีรัชต์ ศิริพลานนท์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะป้องปรามและปราบปรามพนักงานที่มีพฤติกรรมนำสินค้าผิดกฏหมายและนำสินค้าเกินจำนวนที่ศุลกากรกำหนดเข้าประเทศไทยและเลี่ยงการเสียภาษีให้หมดจากการบินไทย โดยบริษัทฯได้มีการติดตามดูพฤติกรรมของพนักงานที่น่าสงสัยและประสานงานกับศุลกากรอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยแจ้งเบาะแสให้ศุลกากรทราบเพื่อตรวจจับ
นายสุเมธ กล่าวว่า “กรณีลูกเรือหญิงคนนี้ได้รับรายงานว่าเป็นการลักลอบนำเข้าสินค้ามาจากมาจากมิลาน เท่าที่ดูจากข่าวจะเห็นภาพว่าหลักฐานมันฟ้องคาตามาก หากทำผิดจริง โทษของบริษัทคือไล่ออกสถานเดียว เราจะไม่มีความเมตตาและข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น”
“ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เคสแรก และไม่ใช่เคสสุดท้าย มันเกิดขึ้นมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะสายการบินไทยเท่านั้น ซึ่งการบินไทยมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ผิดกฎหมายจับได้ต้องไล่ออกอย่างเดียว มันเป็นความผิดของตัวบุคคล แต่กลับทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสื่อมเสีย ขณะที่ตอนนี้พวกลูกเรือที่ดีๆ ก็กำลังออกมาแสดงความเห็นและตำหนิพฤตกรรมนี้กันอย่างกว้างขวาง เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้กับอาชีพเค้าด้วย ซึ่งการบินไทยจะต้องพยายามสร้างจิตสำนึกเรื่องนี้ให้มากขึ้น เราจะไล่จับชี้เบะแสไปเรื่อยๆถ้ายังมีพฤติกรรมแบบนี้เกิดอีก” นายสุเมธ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีพนักงานต้อรับชายหรือสจ๊วต ของการบินไทยรายหนึ่ง ลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้าและตัวบุหรี่ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วโดยพบว่าสจ๊วตดังกล่าวกระทำผิดจริง และคาดว่าจะมีคำสั่งไล่ออกพนักงานคนดังกล่าว โดยในการสอบสวนช่วงแรกสจ๊วตปฏิเสธการกระทำผิด แต่การบินไทยได้ทำเรื่องขอภาพในกล้องซีวีทีวีจากสนามบินนาริตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า พบว่าสจ๊วตคนดังกล่าวได้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาจริง
อย่างไรก็ตาม การบินไทย ยืนยันว่า ทางบริษัทมีนโยบายป้องปรามและปราบปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ให้หมดไปจากบริษัท เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร ที่ผ่านมามีการสั่งการตรวจดูสอดส่องพฤติกรรมของพนักงานที่น่าสงสัย และทำงานเป็นหูเป็นตาร่วมกับศุลกากรอย่างใกล้ชิด
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ชาวจะนะ อุ่นใจ! พื้นที่อันตรายมีไฟฟ้าอัจริยะโซลาเซลล์ ช่วยเดินทางสะดวก ปลอดภัย
