รวบแม่ค้าขาย ‘นางอาย’ในตลาดนัดที่นครศรีฯ

หน่วยงานพิทักษ์สัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จับกุมแม่ค้าตลาดนัดที่นครศรีธรรมราช นำนางอายมาเร่ขาย พบมีบาดแผล

แฟนเพจเฟซบุ๊ก สัตว์ : สิทธิและโอกาส – Thailand Animal Rights Alliance ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพนางอายอยู่ในกรง โดยเนื้อหาระบุการโพสต์ในวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่อุกอาจและท้าทายกฎหมายอาญาและกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างยิ่ง เมื่อวันนี้ 26-08-2019 ได้มีการพบเห็นการขาย * สัตว์ป่าคุ้มครองอย่าง- นางอาย * ที่อยู่ในสภาพที่ถูกทารุณกรรมและน่าเวทนา และ ที่สำคัญวางขายอย่างโจ่งแจ้ง ในตลาดในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ซึ่งทางเราพบเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่รักสัตว์ ว่าพบเจอการทารุณกรรมและค้าสัตว์ป่า โดยเบื้องต้นทางประชาชนที่รักสัตว์ได้แจ้งไปทางสายด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากพบเห็นทันที ” แต่เรื่องก็ยังเงียบ….”

ทางเราจึงช่วยเร่งประสานตรงไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นครศรีธรรมราช โดยส่งมอบทั้งพิกัดและละเอียดทั้งหมด ให้โปรดเร่งดำเนินการ ช่วยเหลือและบังคับใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้โปรดติดตามร่วมกัน เพราะหากท่านผู้ถือกฎหมายนั้นมีจิตวิญญาณของการอนุรักษ์ เรื่องนี้เป็นสำคัญ และควรทำงานตรวจสอบด้วยความว่องไว อย่างที่ประชาชนคาดหวัง

( หมายเหตุ จากสำนักงานอนุรักษ์นครศรีธรรมราช ไปจุดที่แจ้งพบการค้าสัตว์ป่า ระยะประมาณไม่เกิน 10 กิโลเมตร เท่านั้น*)

นางอายหรือลิงลม หนึ่งในสัตว์ป่าที่ถูกคุกคาม ถูกพรากจะป่ามากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่ง นางอาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ห้ามมีไว้ในครอบครองทั้งการเลี้ยงและจำหน่าย ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษสูงสุดคือจำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ เราขอให้ทางการทหาร ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ โปรดช่วยตรวจสอบการขายสัตว์ป่าในพื้นที่ความรับผิดชอบของท่านโดยละเอียด รวมทั้งเจ้าหน้าที่สังกัดกรมอุทยานในพื้นที่ ที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่าโดยตรงนั้น โปรดทำงานด้วยความเร่งด่วน ชีวิตสัตว์ป่าเรากำลังจะหมดไปจากผืนป่าลงทุกวัน ทุกวินาทีมีค่าต่อการช่วยเหลือทุกชีวิต

ทั้งนี้ เนื่องจากการเกิดไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่ นครศรีธรรมราชกว่า 17 วัน มีสัตว์ป่าแตกตื่นหนีตายจำนวนมาก อาจจะมีบางคนฉวยโอกาสนี้ ดักจับสัตว์ป่ามาขายเพื่อหาประโยชน์อีกก็เป็นได้ เราขอให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานด้วยความละเอียด รอบคอบและว่องไว ในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ เพราะสัตว์ป่าทุกชีวิต สำคัญต่อระบบนิเวศของประเทศ และของโลกนี้

อย่างไรก็ตาม แฟนเพจเดียวกัน ได้โพสต์ความคืบหน้าเมื่อวันที่27ส.ค.ว่า “การค้าสัตว์ป่าในตลาดค่ายทหาร ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ไม่นิ่งนอนใจ จากกรณีประชาชนพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายในการค้าสัตว์ป่าและสภาพสัตว์ป่าอย่างนางอายอยู่ในสภาพน่าเวทนา ตามตัวมีแต่บาดแผล ในตลาด px ค่ายทหารวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช นั้น

หลังจากทางหน่วยงาน รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และจากคำสั่งตรงจากอธิบดีกรมอุทยานสัตวป่าฯ ให้ทาง ผอ.สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ได้นำกำลังเข้าตรวจพื้นที่เมื่อเวลา 18.00 น.เมื่อวันที่ 26-08-2019 เบื้องต้นไม่พบตัวนางอายแต่อย่างไร แต่หลังจากตรวจสอบพื้นที่จนถึงเวลา 20.30 ได้เบาะแสจากแม่ค้าในตลาดว่าพบเห็นคนถือกรงนางอายเข้ามาวาง แต่หายไปแล้ว ..

และทาง กองทัพภาคที่4 เจ้าของพื้นที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางท่านนายทหารสารวัตรกองทัพภาคที่4 พ.อ.นุกูล ดำสุวรรณ ได้ประสานเพื่อหาตัวคนขายนางอายต่อไป เพราะเนื่องด้วยคนขายในตลาดนี้จะเป็นแม่ค้าประจำ คุ้นหน้าคุ้นตากันดี น่าจะตามหาตัวได้ ได้มอบหมายให้นายทหารที่ดูแลพื้นที่ในตลาด สืบหา แหล่งพักที่อยู่อาศัยของคนขายต่อไป
ซึ่งวันนี้ 27-08-2019 ทางนายทหารสารวัตรกองทัพภาคที่4 ได้ตามสืบจนพบ และตามไปถึงผู้ที่จับนางอายมาขาย นายทหารสารวัตรกองทัพภาคที่ 4 และได้เชิญตัว มาสอบสวน ซึ่งให้การรับสารภาพว่าได้จับนางอายมาเอามาขายจริง โดยนางอายมาหลบในบริเวณบ้านเลยจับมาขาย ในราคา 800บาท และผู้รับฝากมาขายในตลาดบวกเพิ่มเป็น1,500 แต่ไม่มีคนซื้อ ประกอบกับตอนเย็นมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานเข้ามาตามหาที่ตลาด จึงกลัวความผิดได้รีบนำนางอายไปปล่อยป่า …

ทั้งนี้ ทางนายทหารสารวัตรกองทัพภาคที่4 ได้ทำการเก็บข้อมูลบุคคลที่ทำการจับและขายสัตว์ป่าไว้ทั้งหมดแล้ว และกำชับให้ทหารที่ดูแลพื้นที่ได้ทำการตรวจตราไม่ให้เกิดการกระทำผิดในพื้นที่อีกต่อไป และรวมทั้งทางผู้อำนวยการ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เองก็ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ ออกสอบการค้าสัตว์ป่าในพื้นที่ตลาดอย่างเคร่งครัด

แม้ครั้งนี้สุดท้ายเราไม่สามารถตามพบตัวสัตว์ได้ แต่อย่างน้อย ทางหน่วยงานภาครัฐก็สามารถตามตัวถึงผู้กระทำผิด และ วางมาตราการตรวจสอบป้องกันการค้าสัตว์ป่าได้ในอนาคต และหากประชาชนพบเห็นการค้าขายสัตว์ป่า ในพื้นที่ตลาด px ค่ายทหารวชิราวุธ สามารถแจ้งได้กับทางทหารในพื้นที่ และแจ้งทาง สำนัก ผอ.สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ได้ทันที

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ถอดรหัสใครคือ “มือมืด” บงการเผา “พรุควนเคร็ง”