Billie Eilish นำทัวร์คอนเสิร์ตสู่อนาคตที่ยั่งยืน เปลี่ยนแนวคิดใหม่ของดนตรีสดด้วย Hit Me Soft and Hard: The Tour

Billie Eilish นำทัวร์คอนเสิร์ตสู่อนาคตที่ยั่งยืน เปลี่ยนแนวคิดใหม่ของดนตรีสดด้วย Hit Me Soft and Hard: The Tour

ในโลกของดนตรีที่เต็มไปด้วยแสงสีและพลังงานของแฟนๆ ทั่วโลก Billie Eilish ไม่ได้เพียงแค่เป็นป๊อปสตาร์ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เธอยังใช้แพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ล่าสุดเธอได้เปิดตัวทัวร์คอนเสิร์ตที่เน้นความยั่งยืนอย่าง “Hit Me Soft and Hard: The Tour” ซึ่งได้รับความสนใจไม่ใช่แค่เพราะชื่อเสียงของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความตั้งใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนมุมมองของแฟนเพลงที่มีต่อดนตรีสด

Billie Eilish (บิลลี ไอลิช) เป็นศิลปินนักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่โด่งดังระดับโลก เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2001 และเป็นที่รู้จักจากแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานป๊อป อิเล็กทรอนิกส์ และอัลเทอร์เนทีฟเข้าด้วยกัน ผลงานเพลงที่โดดเด่นของเธอ ได้แก่ “Bad Guy”, “When the Party’s Over”, “Everything I Wanted”, “Happier Than Ever” และเพลงประกอบภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ “No Time to Die” ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ เธออยู่ภายใต้สังกัดค่าย Interscope Records (อินเตอร์สโคปเรคคอร์ด) ซึ่งให้การสนับสนุนด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด เช่น การลดการใช้พลาสติกในผลิตภัณฑ์เพลง และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตอัลบั้มและการทัวร์

 

Billie Eilish

 

ทัวร์คอนเสิร์ตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

Billie Eilish ผู้ชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 9 รางวัล และรางวัลออสการ์ 2 รางวัล ได้ร่วมมือกับ Google Maps (กูเกิลแมพ) เพื่อส่งเสริมให้แฟนๆ เลือกเดินทางไปชมคอนเสิร์ตของเธอด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือช่วยค้นหาเส้นทางการเดินทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยจักรยาน การเดินเท้า หรือระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกค้นหาร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากพืชและมีแนวคิดเพื่อความยั่งยืนในบริเวณสถานที่จัดแสดงอีกด้วย

ความร่วมมือนี้ยังนำไปสู่การออกแบบประสบการณ์ของแฟนๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม เพราะ Billie Eilish ไม่ได้ต้องการให้คอนเสิร์ตของเธอเป็นเพียงแค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับอุตสาหกรรมดนตรีและแฟนๆ ทั่วโลกให้มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อม

 

 

การตอบโต้คำวิจารณ์เรื่อง “Greenwashing”

หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมของคนดังเป็นเพียง “Greenwashing” หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพียงเพื่อให้ดูดี เนื่องจากการจัดทัวร์คอนเสิร์ตขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล และศิลปินมักใช้เครื่องบินส่วนตัวอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม Billie Eilish ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของเธอในการเปลี่ยนแปลงวงการดนตรีให้ยั่งยืนมากขึ้น โดยร่วมมือกับสถานที่จัดคอนเสิร์ตในการลดขยะพลาสติก ไม่อนุญาตให้ใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และสนับสนุนให้แฟนๆ นำขวดน้ำมาเติมน้ำได้ฟรีที่จุดบริการ

 

 

แนวทางใหม่ของคอนเสิร์ต

แฟชั่นยั่งยืนและการบริจาคอาหาร

อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจของทัวร์ครั้งนี้คือแนวคิดเรื่องแฟชั่น Billie Eilish ตระหนักถึงปัญหาการบริโภคแฟชั่นแบบรวดเร็ว (fast fashion) ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เธอจึงสนับสนุนให้แฟนๆ แลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแทนที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่เพื่อมาสวมใส่ในคอนเสิร์ต นอกจากนี้สินค้าของทัวร์ทั้งหมดผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100% หรือใช้ผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ผ้าฝ้ายออร์แกนิกและโพลีเอสเตอร์ออร์แกนิก

 

  • เสื้อผ้าทำจากฝ้ายออร์แกนิกหรือโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล
  • โปสเตอร์ทำจากกระดาษรีไซเคิล 100%
  • แผ่นไวนิลผลิตจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และบรรจุภัณฑ์ทำจากกระดาษรีไซเคิล โดยใช้หมึกจากพืช

 

นอกจากนี้ เธอยังมีแนวคิดที่ลึกซึ้งกว่านั้น โดยร่วมมือกับพันธมิตรของสถานที่จัดงานเพื่อ บริจาคอาหารที่เหลือให้กับผู้ที่ต้องการ ในเมืองที่เธอไปแสดง และหากมีอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ถุงนอน หรือเต็นท์ที่ถูกทิ้งไว้โดยแฟนๆ ก็จะถูกส่งต่อให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่น แทนที่จะปล่อยให้กลายเป็นขยะไร้ค่า อีกทั้งบริจาคของใช้ในโรงแรม เช่น แชมพู สบู่ และของใช้ที่ไม่ได้ใช้ระหว่างทัวร์ จะถูกนำไปมอบให้ศูนย์พักพิงคนไร้บ้านอีกด้วย

 

ตั๋ว CHANGEMAKER เพื่อสนับสนุนสิ่งแวดล้อม

Billie Eilish ได้จัดสรรตั๋ว Changemaker ในทุกโชว์ โดยรายได้จากตั๋วเหล่านี้จะนำไปสร้าง Climate Impact Fund ที่บริหารโดย REVERB เพื่อสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความเป็นธรรมด้านสภาพอากาศ ลดมลพิษ และขับเคลื่อนโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม ตั๋ว Changemaker ยังช่วยสนับสนุน โครงการลดคาร์บอนในวงการดนตรี (Music Decarbonization Project) ที่ Billie Eilish ร่วมก่อตั้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมดนตรี

 

 

การใช้ดนตรีเป็นพลังขับเคลื่อนสังคม

สิ่งที่ทำให้ Billie Eilish แตกต่างจากศิลปินอื่นๆ ไม่ใช่แค่แนวดนตรีของเธอ แต่เป็นปรัชญาที่เธอยึดมั่นในการใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก เธอได้บริจาคเงินจากการขายบัตรคอนเสิร์ตบางส่วนให้กับ Climate Impact Fund (กองทุนเพื่อผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ) ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโครงการเพื่อความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืนในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

การทัวร์คอนเสิร์ตของเธอจึงไม่ใช่เพียงแค่การสร้างความบันเทิงให้กับแฟนๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของแฟนๆ ให้หันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกที่ช่วยเปลี่ยนอุตสาหกรรมดนตรีไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน

 

“Hit Me Soft and Hard: The Tour” ของ Billie Eilish เป็นมากกว่าทัวร์ดนตรีธรรมดา แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งแฟนๆ และอุตสาหกรรมดนตรีในการคิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการจัดคอนเสิร์ต การเดินทาง และการบริโภคอย่างจริงจัง เธอแสดงให้เห็นว่าการทัวร์คอนเสิร์ตไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงแค่เรื่องของความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระดับโลกได้

แม้ว่าการทำให้ทัวร์คอนเสิร์ตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 100% อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ Billie Eilish กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ทุกก้าวเล็กๆ ของเรามีความหมาย และสามารถสร้างความแตกต่างได้จริง

 
 

ที่มา: https://reverb.org/tour/billie-eilish-hit-me-hard-and-soft-world-tour/?utm

https://store.billieeilish.com/pages/sustainability?utm

https://www.instagram.com/billieeilish/