ดานอน ชูวิชั่น One Planet. One Health เชื่อมสุขภาพคนและสิ่งแวดล้อมสร้างโลกที่ดี

ดานอน ชูวิชั่น One Planet. One Health เชื่อมสุขภาพคนและสิ่งแวดล้อมสร้างโลกที่ดี

 ถอดรหัส One Planet. One Health แนวคิด ดานอน ประเทศไทย ผู้ผลิตนมและอาหารแปรรูป แบรนด์ ‘ไฮคิว’ และ ‘ดูเม็กซ์’ ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 65 ปี องค์กรที่มองสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเชื่อมโยงกัน 

 

 

แม้ว่าปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, Governance หรือ ESG) จะเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่าง ๆ โดยเห็นความพยายามขององค์กรต่างๆในการดำเนินการในเรื่องนี้ 

ทว่า ผลลัพธ์ในปัจจุบันยังไม่ปรากฏชัด โดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาลที่ดี (Good Governance) ซึ่งหมายถึงการปกครอง การบริหาร การจัดการการควบคุมดูแล กิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม นอกจากนี้ยังหมายถึงการบริหารจัดการองค์กร และทรัพยากรมนุษย์ที่ดี องค์กรใดที่มีธรรมาภิบาลดี ก็จะช่วยสร้างสรรค์และส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน 

กรณีศึกษา ดานอนประเทศไทย หรือ บริษัท ดานอน สเปเชียลไลซ์ นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมโภชนาการเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ ‘ไฮคิว’ และแบรนด์ ‘ดูเม็กซ์’ ที่อยู่คู่กับชาวไทยมานานกว่า 65 ปี   องค์กรแห่งนี้ยังได้รับรางวัลการันตีว่าเป็นองค์กรที่มีการดูแลพนักงานดีเด่น จากงาน HR Asia Awards 2024  จำนวน 3 รางวัล ในสาขา ‘องค์กรดีเด่นที่น่าร่วมงานที่สุดในเอเชีย’ (Best Company to Work For) ‘บริษัทที่ใส่ใจพนักงานที่สุด’ (Most Caring Company) และ ‘บริษัทที่ส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการโอบรับความแตกต่าง’ (Diversity, Equity, and Inclusion) ซึ่งเป็นรางวัลเพื่อยกย่ององค์กรที่ประสบผลสำเร็จในการสร้างความผูกพันกับพนักงาน วัฒนธรรมการทำงาน และการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรบุคคลทั่วเอเชีย 

 

 

วิชั่น One Planet. One Health 

ทั้งนี้ ดานอน เป็นบริษัท ข้ามชาติสัญชาติฝรั่งเศสผู้ผลิตนมและอาหารแปรรูป ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1919 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ก่อนจะย้ายกิจการและสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่กรุงปารีส ในอีก 9 ปีต่อมา และดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 65 ปี โดยผลิตภัณฑ์พัฒนามาจากนวัตกรรมด้านโภชนาการเฉพาะทาง 

ดานอน ประเทศไทย มีวิสัยทัศน์ One Planet. One Health เชื่อมโยงระหว่างสุขภาพคนและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านการลงทุนทั้งในด้านทรัพยากรบุคคลและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท เช่น โรงงานของดานอนในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นโรงงานที่ผลิตเพื่อกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 

นอกจากนั้นยังได้รับการรับรอง B Corp สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านโภชนาการ บุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

 

ผสานธุรกิจกับความรับผิดชอบสังคม

นอกจากนี้ ตามวิสัยทัศน์ One Planet. One Health ของดานอน ยังมีแนวคิดโมเดลคู่ขนาน (Dual Project) ที่ ‘อ็องตวน รีบู’ (Antoine Riboud) ซีอีโอของดานอน แถลงเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยเน้นการผสานเป้าหมายทางธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นรากฐานในการดำเนินงานของดานอนมาอย่างยาวนาน

 

 

แดนิช ราห์มัน ผู้จัดการทั่วไป ดานอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดานอน ประเทศไทย กล่าวว่า ดานอนยึดมั่นในแนวทาง Dual Project มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เชื่อว่าการสร้างคุณค่าให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและสังคมจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ถือเป็นสิ่งที่บริษัทภาคภูมิใจ และใช้เป็นปรัชญาองค์กร 

 

 

3 เสาหลัก สุขภาพ สิ่งแวดล้อม ชุมชน

สิ่งนี้ยังขับเคลื่อนกรอบการดำเนินงาน Danone Impact Journey หรือ DIJ ที่มุ่งเน้นเสาหลัก 3 ด้าน คือ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และผู้คนรวมถึงชุมชน ทั้งหมดนี้ทำให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน B Corp ระดับโลก ซึ่งเป็นการรับรองว่าตามมาตรฐานสูงของการดำเนินงานทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของดานอนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน และเป็นแบบอย่าง รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างกว้างขวางต่อไป

“การทำธุรกิจต้องดำเนินควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากธุรกิจดานอนจะเชื่อมโยงด้านสุขภาพที่ดีของคนแล้ว ดานอนมองว่าธุรกิจที่ดำเนินต้องสร้างสิ่งที่ดีให้กับโลกด้วย ดังนั้นวัตถุดิบจากแหล่งที่ปลูก แหล่งเพาะเลี้ยง จะต้องเป็นแหล่งที่ดี ส่งผลดีต่อสุขภาพคน และสิ่งแวดล้อมที่คนอาศัยอยู่”

 

 

วัตถุดิบมาจากแหล่งที่ยั่งยืน รับผิดชอบโลก

ด้านนัฏฐ์ภัสสร ธรรมศิรารักษ์ ผู้อำนวยการแผนกโครงการปฏิบัติการและการจัดซื้อ ดานอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหนึ่งในผู้นำทีม Danone Impact Journey ของดานอน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า Danone Impact Journey มุ่งเน้นเสาหลักใน 3 ด้าน คือ

 

1.สิ่งแวดล้อมทำอย่างไรให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด หรือแม้แต่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับธุรกิจ

2.สุขภาพ ที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพของผู้คนด้วยการพัฒนาโภชนาการในผลิตภัณฑ์ และ3.ผู้คนรวมถึงชุมชน โดยส่งเสริมความหลากหลายและการสนับสนุนชุมชนโดยรอบ เน้นย้ำเรื่องความเสมอภาคและความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศสภาพ หรือความถนัดในอาชีพอื่น ๆ ใด รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ไม่เพียงเท่านั้นวัตถุดิบทั้งหมดต้องมาจากแหล่งที่ยั่งยืนและรับผิดชอบ ความพยายามในด้านความยั่งยืนของเราไม่ใช่เพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยังการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม 

 

มุ่งลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ทำงานใกล้ชิดเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว

ตัวอย่างเช่น โครงการ Triple Zero ที่โรงงานดานอนที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้ำเสีย และขยะให้เป็นศูนย์ มีการติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงาน รวมถึงมุ่งสร้างบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนด้วยการรีไซเคิล หรือใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้แบบ 100% ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน 

“เนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักคือนม ดานอนยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เข้าไปถึงฟาร์ม ทำโครงการต่าง ๆ พัฒนาและส่งเสริมรูปแบบการเกษตรแบบฟื้นฟูที่ช่วยปกป้องดิน ส่งเสริมพลังแก่เกษตรกร และส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งหลัก ๆ ในปีนี้จะเน้นทำเรื่องปรับปรุงอาหารสัตว์ เพื่อให้วัวสามารถให้น้ำนมได้มากขึ้น และปล่อยคาร์บอนน้อยลง ซึ่งเราก็เข้าไปหาเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เขาทำงานกับเราอย่างมีความสุขมากขึ้น”

 

 

เร่งแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนน้ำ ในภาคปศุสัตว์

นัฏฐ์ภัสสร เผยอีกว่า การเลี้ยงวัวใช้น้ำค่อนข้างมาก วิกฤตขาดแคลนน้ำเป็นเรื่องที่น่ากังวล ในฐานะผู้ผลิตก็เริ่มที่จะดูเรื่องนี้แล้ว อย่างระดับโลก ได้ศึกษาดูงานที่อินโดนีเซีย เรื่องการจัดเก็บน้ำ ทั้งการจัดการน้ำเสีย ซึ่งในไทยยังไม่ได้เน้นเรื่องดูแลน้ำมากนัก แต่ก็เป็นประเด็นที่กำลังมองอยู่ว่าจะทำอะไรได้บ้างในระยะอันใกล้นี้ 

 

 

ลดผลกระทบด้านสุขภาพเด็กไทยผ่านผลิตภัณฑ์

นัฏฐ์ภัสสร กล่าวต่อว่า ในส่วนของผลิตภัณฑ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทต้องการลดผลกระทบเด็กไทย ที่มีภาวะเสี่ยงโรคโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก จากสถิติประมาณ 1 ใน 4 ของเด็กไทย อายุต่ำกว่า 5 ขวบ มีภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมอง สติ ปัญญา ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความแข็งแรงทั่วไปของเด็ก ฯลฯ สิ่งที่บริษัทฯดำเนินการคือออกหลายผลิตภัณฑ์ที่มีผสมธาตุเหล็ก

สุดท้ายคือ คน และชุมชน ดานอนได้รางวัล HR Award asia ไป (3 รางวัล) การันตีว่าบริษัทเป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วย เป็นองค์กรที่ดูแลพนักงาน และเป็นองค์กรที่มีความเสมอภาคเท่าเทียม เน้นย้ำเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยมองว่าพนักงานว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบเรื่องผู้คนและชุมชน สุขภาวะของพนักงานจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ

ทั้งนี้ภายในปี 2568 ดานอนมีเป้าหมายในการเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติ (multinational company) กลุ่มแรกที่ได้รับการรับรอง B Corp ในระดับโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านโภชนาการ บุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

 

B Corp มาตรฐานระดับสากล 

รับผิดชอบสังคม-สิ่งแวดล้อม

ขณะที่ ยูดี ปราดานา ผู้อำนวยการบริหาร B Market Builder เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงความสำคัญของมาตรฐานดังกล่าวว่า B Corp เป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นเพื่อรับรององค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าธุรกิจได้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ และความโปร่งใส ตั้งแต่สวัสดิการพนักงาน ไปจนถึงห่วงโซ่อุปทานและวัตถุดิบที่ใช้ 

“เรามุ่งหวังให้มาตรฐาน B Corp ผลักดันให้ธุรกิจพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน ชุมชน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม” 

โดยมาตรฐานของ B Corp เป็นมาตรฐานพิเศษ เป็นการประเมินทั้งบริษัท ไม่ใช่แค่ตัวผลิตภัณฑ์ การรับรองสำหรับ B Corp จะเป็นส่วนสำคัญการทำงานของธุรกิจต่างๆ สามารถ วัดผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจของตนเองได้ มีประโยชน์ต่อผู็มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพราะจะเห็นว่าตอนนี้โลกเผชิญในเรื่อง การเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศค่อนข้างมาก บริษัทที่จะได้การรับรองว่าเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนได้ จะต้องมีผลประกอบการที่ดีด้วย เพราะการมีผลประกอบการที่ดีทางธุรกิจ นั่นแปลว่ามีความพร้อมในการปรับตัวเข้าสู่วงจรความยั่งยืนได้ และทำได้ดี 

“การได้รางวัล B Corp ในอาเซียนถือว่าใหม่มากในเรื่องนี้ ดังนั้นรางวัลของดานอน ถือเป็นต้นแบบแรก ๆ ของอาเซียนที่ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่เป็นประโยขชน์ในชุมชนและสิ่งแวดล้อม”

 

 

ทรัพยากรถูกใช้จนเหลือน้อย 

ควรยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

ตรีสุวิชช์ อาริยวัฒน์ ผู้จัดการโครงการ ASEAN Circular Economy Stakeholder Platform จากศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความยั่งยืนในภาคธุรกิจจะเกิดขึ้นได้หากองค์กรผนวกความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์หลักของดำเนินงาน และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งประสานความร่วมมือกับในทุกภาคส่วน จึงจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง โดยสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการให้ความสำคัญกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ และการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน รวมทั้งนำนวัตกรรมและการวางแผนเชิงกลยุทธ์มาใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก 

“ตอนนี้อัตราการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการผลิต และการบริโภค ทั้งยังเป็นการใช้ทรัพยากรแบบไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดขยะ หรือของเสียตกค้าง ทั้งจากกระบวนการผลิต และหลังบริโภค แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามในการหาพลังงานทดแทน ทรัพยากรทดแทน มีการเก็บกลับของเสียบางส่วนมาผ่านกระบวนการแปลงสภาพในอุตสาหกรรมบางประเภท 

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอ จึงมองว่าการให้ความสำคัญกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นเรื่องสำคัญที่ควรนำมาปรับใช้ได้ทุกภาคส่วน คือวิถีการผลิต และบริโภคที่จะพยายามเน้นให้วัสดุหรือสินค้านั้นๆ คงอยู่ในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด ซ่อมแซม อัพเกรด รีไซเคิล ฯลฯ ทั้งหมดนี้ คือการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”

ตรีสุวิชช์ ยังกล่าวว่า ตอนนี้มาตรการกีดกันทางการค้าจากสหภาพยุโรป และสหรัฐ เริ่มแล้ว  อาทิ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน คือถ้าจะค้าขายกับประเทศเหล่านี้ ก็ต้องดำเนินการตามกติกา โดยส่วนในอาเซียนก็ให้ความสำคัญมาตั้งแต่ปี 2564 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ได้ออกตัวต่อการทำงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านกลไกทางการค้า เช่น มาตรฐานทางการค้า เพื่อเอื้อการค้าของการค้าสีเขียวในภูมิภาค เน้นการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน ผลักดันต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกด้าน รวมถึงนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว 

 

ผู้บริโภคต้องรู้แหล่งที่มาของสินค้า

ทางด้าน เชอรี่ – เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงผู้ร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืน มองว่า สิ่งที่ทำให้ตนเองสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้วมองเห็นปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น จึงคิดว่าในฐานะประชาชนคนหนึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง และลงมือทำได้จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม จึงได้เริ่มทำงานเรื่องป่าไม้ ในรูปแบบไม่หวังผลกำไร ทำธุรกิจที่ช่วยแก้ปัญหาสังคม ชวนชุมชนทำเกษตร และแปรรูป พอได้ทำธุรกิจเองจึงรู้ว่าการทำแบบยั่งยืน และไม่ยั่งยืนเป็นอย่างไร

“การสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกนั้นต้องมาจากความรับผิดชอบทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต อย่างตัวเองเป็นคนที่สนใจสิ่งแวดล้อม อะไรก็ตามในการบริโภคจะดูว่าสิ่งไหนที่เราสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงได้ สิ่งไหนที่ใช้แล้วเกิดความคุ้มค่ามากสุด ก็จะขยายวง บริโภคของเราจากเรื่องอาหารไปสู่เสื้อผ้า และการใช้สิ่งของในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ดูเรื่องความคุ้มค่าของการใช้เท่านั้น แต่ยังดูไปจนถึงแหล่งที่มาของสิ่งของนั้นๆ ด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงบริษัทต่างๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ พฤติกรรมของผู้บริโภคสามารถสร้างแรงกระเพื่อมต่อในภาคธุรกิจ และผลักดันให้เกิดความยั่งยืนได้จริงในสังคม” เข็มอัปสร กล่าว