Sea ดันโครงการ Women Made:Girl in STEM สร้างความเท่าเทียมอาชีพหญิง-ชาย

by ESGuniverse, 21 กรกฎาคม 2567

Sea เดินหน้าโครงการ Women Made: Girl in STEM ปลุกความกล้าเด็กผู้หญิง คว้าโอกาสในสายอาชีพ STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์จริงของผู้หญิงแนวหน้า

 

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ทำให้มนุษย์ต้องการทักษะอาชีพใหม่ ๆ มาเติมการทำงานและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดสายงานอาชีพใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมากมาย โดยเฉพาะสายอาชีพ STEM - Science, Technology, Engineering, Mathematics ซึ่งประกอบด้วย 9 อาชีพหลัก ได้แก่ โปรแกรมเมอร์ , นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, วิศวกรด้านความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์, นักวิจัยนาโนเทคโนโลยี วิศวกรเสียง, นักนิติวิทยาศาสตร์, นักวิทยาศาสตร์เภสัชวิทยาภูมิคุ้มกัน, วิศวกรการบินและอวกาศ และนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร

ทว่าดูจากอาชีพเหล่านี้ ทัศนคติของผู้คน อาจหมายรวมถึงนายจ้างบางส่วน มองว่าเป็น ‘อาชีพของผู้ชาย’ แม้ว่าตามข้อเท็จจริง ไม่ว่า ผู้หญิง หรือผู้ชาย เด็กหญิง หรือ เด็กชาย ก็สามารถเรียนและประกอบอาชีพเหล่านี้ได้อย่างเสมอภาค ขอเพียงเปิดใจ ให้โอกาส และปลุกความกล้าของเด็กหญิงในการคว้าอาชีพที่ใฝ่ฝัน

และเพื่อประกาศข้อเท็จจริง และสร้างความมั่นใจให้กับเด็กหญิงที่จะเดินเข้าสูสายอาชีพนี้ Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา ช้อปปี้ และซีมันนี่ ร่วมกับ InsKru และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดตัวโครงการ Women Made: Girl in STEM เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้เด็กผู้หญิงที่มีความสนใจศึกษาต่อในสาขาอาชีพ STEM ผ่านการจัดกิจกรรม Day Camp ให้กับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และคุณครู เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 90 คน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

 

 

ดัชนีช่องว่างทางเพศ พบอาชีพ STEM
แรงงานหญิงมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 29.2

นางพุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Sea (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เนตแพลตฟอร์ม Sea (ประเทศไทย) เห็นถึงความต้องการของการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศในโลกสาขาอาชีพ STEM ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพที่ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีความต้องการบุคคลากรอีกเป็นจำนวนมากเพื่อร่วมกันเป็นแรงขับเคลื่อนและพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ทั้งนี้ จำนวนของผู้หญิงที่ประกอบอาชีพในสาขา STEM ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย พิจารณาได้จากรายงานดัชนีช่องว่างระหว่างเพศ ประจำปี 2566 โดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ซึ่งระบุว่า จากการจ้างงานทั้งหมดในกลุ่มอาชีพ STEM มีเพียงร้อยละ 29.2 เท่านั้นที่เป็นแรงงานหญิง แตกต่างจากการจ้างงานในสายอาชีพนอกกลุ่ม STEM ซึ่งมีแรงงานหญิงมากถึงร้อยละ 49.3 หรือเกือบครึ่งของการจ้างงานทั้งหมด

ผลศึกษาชี้ เด็กหญิงสนใจเรียน STEM ระดับประถม
แต่เริ่มลดลงในวัยรุ่น จากความท้าทายปัจเจก-สังคม

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาและงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พบว่าเด็กผู้หญิงมักจะมีความสนใจด้าน STEM ในระดับเดียวกันกับผู้ชายในระดับประถม แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากพบความท้าทายทั้งในระดับปัจเจกและสังคม จึงนำมาสู่การริเริ่มโครงการ Women Made: Girl in STEM ในครั้งนี้ เพื่อเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กผู้หญิงซึ่งอยู่ในวัยค้นหาตัวเองเพื่อเลือกเส้นทางการศึกษาต่อไป

 

 

 

ต้องสร้างต้นแบบ ล้างภาพจำ
ว่าเป็นอาชีพของผู้ชาย

นางสาวภวิษย์พร เจียรประเสริฐ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะตัวแทนผู้บริหารหญิงภายใต้เครือ Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า การสร้างเครือข่ายสนับสนุนผู้หญิงมีความสำคัญมาก เนื่องจากสังคมไทยยังขาดคนต้นแบบ (Role Model) ที่จะมาช่วยชะล้างภาพจำในอดีตว่าอาชีพนี้เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะไม่ว่าเพศใดก็มีสิทธิที่จะค้นหาความก้าวหน้าทางอาชีพในแบบที่ตัวเองต้องการ

“ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทเทคโนโลยี เชื่อว่าสิ่งสำคัญคือเราจะต้องมีวิธีคิด (Mindset) ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองและพากเพียรที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่จุดหมาย ในขณะเดียวกันก็จะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนให้สังคมและโลกของการทำงานเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรกับทุก ๆ คนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม”

 

 

 

STEM Education เตรียมเยาวชน
เป็นกำลังสำคัญของประเทศ

นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการ หลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า STEM Education จะช่วยเตรียมเด็กและเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล และที่สำคัญคุณครูมีบทบาทในการแนะแนวอาชีพที่ต้องการทักษะ STEM และเปลี่ยนการเรียนรู้ให้เป็นแบบบูรณาการ แสดงให้เห็นว่า STEM เชื่อมโยงกันในการแก้ปัญหาจริง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการสะเต็ม การใช้เทคโนโลยีในการสอน และกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจตลอดจนพัฒนาทักษะสำคัญสำหรับเด็ก