นายกฯห่วง แรงงาน พร้อมช่วยเหลือในทุกมิติ

นายกฯห่วง แรงงาน พร้อมช่วยเหลือในทุกมิติ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 ว่า วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” ตรงกับ “วันกรรมกรสากล” หรือ “เมย์-เดย์ (May Day)” ของโลก

    ทั้งนี้แรงงานถือเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการผลิต ห่วงโซ่คุณค่าในระบบเศรษฐกิจ โดยพลังของผู้ใช้แรงงานจะแฝงอยู่ในผลผลิตทุกชิ้น ดังนั้นความมั่นคงก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศจะมีส่วนสัมพันธ์ “โดยตรง” กับพี่น้องแรงงานทุกประเภท ทั้ง “แรงงานในระบบ” ที่เรียกว่ามนุษย์เงินเดือนและ “แรงงานนอกระบบ” หรือ แรงงานอิสระ ที่มีอยู่ราว 2 ใน 3 ของแรงงานทั้งหมด       

     สำหรับแรงงานนอกระบบนี้ส่วนมากเป็นผู้มีรายได้น้อย รายได้ไม่แน่นอน หากไม่ได้รับการช่วยเหลือและคุ้มครองจากรัฐบาล ทั้งด้านกฎหมายแรงงาน, ประกันสังคม และสวัสดิการอื่นๆ แล้วย่อมจะส่งผลกระทบทั้งในมิติสังคมและความมั่นคง

      ดังนั้นตนจึงเห็นว่าควรจะจัดให้มี “ฐานข้อมูลกลาง” (Data Center) ข้อมูลแรงงาน  ข้อมูลประชากรของประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นในการช่วยให้รัฐบาลและทุกหน่วยงานสามารถนำไปใช้กำหนดเป็นนโยบายสาธารณะได้อย่างเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย  ทั้งแรงงานกลุ่มต่าง ๆ และแรงงานคนพิการของไทย รวมถึงแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการลงทะเบียนจัดทำฐานข้อมูลตามขั้นตอนไปแล้ว เพื่อให้ประเทศสามารถใช้ศักยภาพจากทรัพยากรมนุษย์ หรือ “แรงงานของประเทศ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

     ที่ผ่านมาปัญหาแรงงานไทย นอกจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ด้านผลประโยชน์, ค่าตอบแทนและสวัสดิการแล้ว  ยังคงมีปัญหาเรื่องปากท้อง การบริการสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการศึกษา อีกด้วย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนแก่แรงงานทุกประเภท โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ ที่มักจะเป็นประชากร ระดับฐานราก และผู้มีรายได้น้อย  โดยจัดให้มีนโยบายสาธารณะต่าง ๆ

     สำหรับนโยบายด้านสุขภาพ ได้แก่ 1. การแพทย์ฉุกเฉิน “72 ชั่วโมงแรก” ในทุกโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยรัฐบาลได้รักษาไว้ซึ่ง “สิทธิขั้นพื้นฐาน” ของพี่น้องคนไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1669

     2. คลินิกหมอครอบครัว ด้วยการสร้างระบบเครือข่ายแพทย์ปฐมภูมิ ไปทั่วประเทศ จนเข้าถึงทุกครัวเรือน จำนวน 6,500 ทีม ในปี 2570

    ด้านสวัสดิการสังคม ได้แก่ 1.กองทุนการออมแห่งชาติ สำหรับประชาชนและพี่น้องแรงงาน ที่ไม่อยู่ในกองทุนบำเหน็จบำนาญช้าราชการ ที่เรียกว่า กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กสล. รวมทั้งกองทุนประกันสังคม

    2. กองทุนยุติธรรม จะช่วยเหลือในเรื่องคดีความ, การให้ความรู้ทางกฎหมาย หรือการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และ 3.การลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการภาครัฐที่จะปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 พฤษภาคม นี้  โดยจะมีมาตรการ “ลดค่าครองชีพ” สำหรับแรงงานที่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย เช่นการให้ส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่ารถโดยสาร ขสมก. สำหรับแรงงานในกรุงเทพฯ หรือค่ารถ บขส. สำหรับพี่น้องต่างจังหวัด

     ด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานและความมั่นคงในอาชีพเช่น 1.ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) 2.การสร้างระบบมาตรฐานแรงงาน ช่วยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล และ3.การส่งเสริมอาชีวศึกษา “ระบบทวิภาคี” ภายใต้กลไกประชารัฐ  ให้รองรับการก้าวไปสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” 

     อย่างไรก็ตามในอนาคตจะต้องยกระดับ “ผู้ใช้แรงงาน” เป็น “ผู้ใช้พลังสมอง” หรือที่เรียกว่า จาก Manpower สู่ Brainpower ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง โดยเริ่มจากการเห็นว่า “ตนเอง” นั้น มีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศเท่าเทียมกัน ซึ่งคงต้องค่อยๆ ยกระดับตนเองเป็น แรงงานมีฝีมือ แรงงานคุณภาพ แรงงานที่มีนวัตกรรม และแรงงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ให้ได้ โดยต้องรู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างเหมาะสมต่อไป