วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ คือวันเริ่มต้นเดินหน้าปฏิทินการเมืองไทย ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างเป็นทางการ
อะไรจะเกิดขึ้นบ้างต่อจากวันนี้ ?
มีเรื่องราวมากมาย จะประดังประเดปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่อยไปตราบกระทั่งมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาแตะมือรับช่วงงานต่อจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อม ๆกับการจางหายกลายเป็นอดีตไปของ คสช.
เหตุการณ์ที่น่าจะถือเป็นจุดเปลี่ยนอันดับแรกหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ คือการเปลี่ยนแปลงสถานะของสมาชิก คสช. หรือ รัฐมนตรี หรือ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.) บางคนที่จะประสงค์กระโจนลงสู่สนามการเมือง ซึ่งจะต้อง “ปลดปล่อย” ตัวเองให้เบาตัวจากตำแหน่งสมาชิก คสช. หรือ รัฐมนตรี หรือ สมาชิกสนช. หรือ สมาชิก สปท. ภายใน 90 วันหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้
นั่นย่อมหมายถึงนับจากวันที่ 6 เมษายน เรื่อยไปไม่เกินวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 จะได้รู้แจ้งเห็นจริงทั่วกันว่ามีใครบ้างในหมู่สมาชิก คสช. หรือ มีรัฐมนตรีท่านใดบ้างในคณะรัฐบาล หรือมีสมาชิก สนช. และ สมาชิก สปท.คนไหนบ้างที่เปิดเผยตัวตนลงสู่สนามการเมือง
เหตุการณ์ที่สอง ซึ่งจะเกิดขึ้นตามมาคือการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ฉบับ ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องจัดทำให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 240 วันนับจากวันที่ 6 เมษายน 2560 หรือภายในไม่เกินวันที่ 2 ธันวาคม 2560 แล้วเสนอให้ สนช. พิจารณา ลงมติ
สนช. ต้องดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายที่ กรธ. เสนอให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 60 วัน หรือภายในวันที่ 31 มกราคม 2561 แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ภายในระยะเวลา 90 วัน
รวมระยะเวลาเบ็ดเสร็จกว่าที่ชุดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จะเรียบร้อยร้อยสมบูรณ์ พร้อมกดปุ่มนับหนึ่งสู่การเลือกตั้ง ต้องทอดเวลานับจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป
สำหรับฤกษ์งามยามดีของการกาบัตรเลือกตั้งทั่วไป ว่ากันตามปฏิทินการเมืองแล้วน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
ถึงตอนนั้นใครจะคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปรองแก้มก้น และหน้าตาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะซ้ำกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันหรือไม่….ไม่กล้าเดา !
…………………………………………………..