โครงการพัฒนาดอยตุงหรือ
“ดอยตุงโมเดล” คือการพลิกฟื้น “ดอยตุง” จากพื้นที่ทุรกันดารให้เป็นพื้นที่ทำกินของชาวไทยภูเขาและชนกลุ่มน้อย 6
เผ่า ซึ่งในอดีตนั้นมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นไม่มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทำให้คนในพื้นที่อาศัยการทำไร่หมุนเวียน
ไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ค้ายาเสพติด กลายเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ที่สุด
กระทั่งมีการพัฒนาอย่างมีระบบแบบแผนและมียุทธศาสตร์
ทำให้ “ภูเขาหัวโล้น”กลายเป็นพื้นที่ป่า การทำไร่หมุนเวียนหมดไป
มีป่าอนุรักษ์ ป่าใช้สอยและป่าเศรษฐกิจมาแทนที่
ทุกคนได้รับสัญชาติไทยได้เข้าถึงระบบการศึกษา ซึ่งเป็นการ“สร้างคนด้วยความรู้และการศึกษา” ในด้านวิชาการและวิชาชีพให้มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้เข้มแข็ง
ยืนบนลำแข้งของตนเองได้ในที่สุด
ปัจจุบันชาวไทยภูเขาและชนกลุ่มน้อย
มีอาชีพหลักเป็น“เกษตรกรรับจ้าง”และ“พนักงานของโครงการ” สามารถเพิ่มรายได้จากในอดีตเฉลี่ยไม่ถึง
4,000 เป็น 12,000 บาทต่อคนต่อปี โดยรัฐบาลร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ได้น้อมนำองค์ความรู้ของ
“ศาสตร์พระราชา” และ “ตำราแม่ฟ้าหลวง” เรื่องของการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ดินและน้ำไปปรับใช้
ในโครงการปลูกป่าสร้างคนบนวิถีพอเพียง เพื่อรักษาต้นน้ำ และบรรเทาอุทกภัย
ในพื้นที่ 250,000 ไร่ ใน 3 อำเภอ ของจังหวัดน่าน
ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าว
เป็นไปเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ รวมทั้งให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
และส่งเสริมให้ชุมชนอยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างยั่งยืน ผลการดำเนินการในขณะนี้ ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ขึ้น
จาก 40 % เป็น 60 %
และเปลี่ยนพื้นที่การปลูกข้าวโพดบนพื้นที่สูง ให้เป็นป่าเศรษฐกิจได้
และมีผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกข้าวโพด
รวมทั้งช่วยลดการเกิดไฟป่า จาก 76,000 กว่าไร่ เหลือเพียง 89 ไร่ ในปี 2558
ขณะเดียวกันรัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้นำแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ตาม “ดอยตุงโมเดล”ไปดำเนินการตามยุทธศาสตร์บูรณาการ สำหรับการจัดการป่าเสื่อมสภาพ
บนพื้นที่สูงชัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า ใน 13 จังหวัดภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในปีนี้นั้น รัฐบาลได้น้อมนำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้ไปใช้ใน 3
จังหวัดชายแดนใต้ โดยการบูรณาการหน่วยงานของรัฐ อย่างมียุทธศาสตร์ เสริมด้วยกลไก “ประชารัฐ” ในพื้นที่
ปัจจุบันนั้น
“ศาสตร์พระราชา” ภายใต้ “ดอยตุง
โมเดล” ได้รับการยกย่องและยอมรับ จากประชาคมโลก
ให้เป็นแบบอย่างของแนวทางการพัฒนาที่นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
หลายประเทศนำไปขยายผล อาทิเช่นโครงการส่งเสริมปศุสัตว์และพัฒนาวิสาหกิจชุมชน
ธนาคารแกะ ครอบคลุม 500 ครัวเรือน ใน 15 หมู่บ้าน จังหวัดบัลห์
สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน และโครงการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน
จังหวัดอาเจะห์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวอาเจะห์
และเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด หลังต้องเผชิญกับภัยพิบัติ “สึนามิ” และประสบความขัดแย้งภายในประเทศมานานกว่า
30 ปี
เช่นเดียวกันกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
(UNGA)
ได้ให้การรับรอง “ศาสตร์พระราชา” เป็น “หลักปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก
(UNGPs)”
ที่มา : Thaiquote
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค Thaiquote.org
ทวิตเตอร์ @ThaiQuoteORG
สนใจลงโฆษณาติดต่อด่วน
[email protected]
โทรศัพท์
022463270