สำหรับนักวิ่ง รองเท้าถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งและมักมีราคาแพงที่สุด ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ารองเท้าวิ่งแบบดั้งเดิมมีอายุการใช้งานประมาณ 500 ถึง 700 กิโลเมตร หรือประมาณ 4 ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยรองเท้าบางรุ่นมีราคาสูงถึงหลายพันบาท ซึ่งอาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นได้
แปลโดย: วันทนา อรรถสถาวร
อุตสาหกรรมรองเท้ายังมีต้นทุนสูงต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ตั้งแต่การผลิตจนถึงปลายอายุการใช้งาน อุตสาหกรรมรองเท้าสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ700 ล้านตันต่อปี ตามการวิจัยของควอนติส (Quantis) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
แดนนี่ ปอร์เมส นักวิ่งตัวยงและเจ้าของร้านขายรองเท้ากีฬาในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเริ่มศึกษาผลกระทบของอุตสาหกรรมนี้ต่อโลกเมื่อทศวรรษก่อน กล่าวว่า เรากำลังยืนอยู่บนปัญหา แต่ไม่มีใครมองเห็น
สิ่งที่เขาและเออร์นาภรรยาซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ จึงพัฒนาฟาสต์ฟีทกรินด์ (FastFeetGrinded) ซึ่งเป็นโซลูชันการรีไซเคิลรองเท้าเพื่อแก้ปัญหาขยะรองเท้า
รอยเท้าคาร์บอนของรองเท้า
ทุกปีมีการผลิตรองเท้าถึง 23,000 ล้านคู่ทั่วโลก โดยรองเท้าหนึ่งคู่ประกอบด้วยวัสดุที่แตกต่างกันมากถึง 60 ชนิด ยูลี่ ฟูเอนเตส-เมเดล (Yuly Fuentes-Medel) นักวิจัยเทคโนโลยีไฟเบอร์จาก MIT และผู้ก่อตั้งกลุ่มศึกษาผลกระทบรองเท้า (The Footwear Collective) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่อุทิศตนเพื่อขับเคลื่อนการหมุนเวียนในอุตสาหกรรมรองเท้า เผยแพร่
แม้ว่ารองเท้าจะก่อให้เกิดมลพิษทางคาร์บอนจำนวนมากตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบจนถึงการผลิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิ้นอายุการใช้งานก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน
วัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น โพลีเอสเตอร์และเอทิลีนไวนิลอะซิเตท (EVA) อาจใช้เวลานานในการย่อยสลาย ตาม รายงานของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในปี 2022 (พ.ศ. 2565) ระบุว่ารองเท้าบางรุ่นอาจใช้เวลานานหลายร้อยปีในการย่อยสลาย
ฟูเอนเตส-เมเดล กล่าวว่า ด้วยอัตราการกำจัดรองเท้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ หลุมฝังกลบจะเต็มมากขึ้นเรื่อย ๆ เว้นแต่จะมีการดำเนินการบางอย่าง
การรีไซเคิลรองเท้า
รองเท้าเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้ยากเนื่องจากประกอบด้วยวัสดุต่างๆ มากมายที่ต้องผ่านกระบวนการแยกกัน แต่ครอบครัวปอร์มีเซ (Pormese) ตัดสินใจที่จะหาวิธีรีไซเคิลรองเท้าทั้งหมด
แดนนี่ พอร์เมสเล่า กล่าวว่า ทุกคนบอกกับเราว่า ‘มันจะไม่เวิร์ก มันเป็นไปไม่ได้’ แต่ หลังจากทดลองทำในครอบครัวเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งต้องอุ่นรองเท้าด้วยไมโครเวฟและต้ม รวมถึงเจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพิสูจน์แนวคิดนี้ได้ จากนั้น พวกเขาจึงร่วมมือกับบริษัทผลิตเครื่องจักรไฮลิก กรุ๊ป (Heilig Group) ซึ่งช่วยทำให้โรงงานรีไซเคิลรองเท้าฟาสต์ฟีทกรินด์ ของพวกเขาประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนแรกคือการคัดแยกรองเท้า จากนั้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของรองเท้า เช่น ยาง โฟม และพลาสติก จะถูกแยกออกด้วยเครื่องจักรที่ใช้ความร้อนและแรงเสียดทาน จากนั้นวัสดุเหล่านี้จะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะถูกแยกตามประเภท จากนั้นจึงกลั่นให้เป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
จากนั้นก็นำเม็ดโฟม ยาง และสิ่งทอจะถูกขายให้กับผู้ผลิตเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ชิ้นส่วนรองเท้า เสื่อโยคะ หรือพื้นสำหรับสนามเด็กเล่นและศูนย์กีฬากลางแจ้ง
โรงงานแห่งนี้รับรองเท้าที่ไม่ใช้แล้วจากกล่องรับสินค้าของร้านค้าทั่วทั้งยุโรป รวมถึงรองเท้าผ้าใบที่มีตำหนิหรือยังไม่ได้จำหน่ายจากบริษัทผลิตรองเท้า ปอร์เมส (Pormes) บอกว่าโรงงานรับรองเท้าทุกประเภท ตั้งแต่รองเท้าแตะ รองเท้าก่อสร้างหนักๆ ไปจนถึงรองเท้าแตะแบบหนีบ
ปอร์เมส กล่าวว่า ปัจจุบันฟาสต์ฟีทกรินด์แปรรูปรองเท้าได้ประมาณ 3,000 คู่ต่อชั่วโมง หรือมากถึง 3 ล้านคู่ต่อปี
รองเท้ากำลังวิ่งเข้าสู่สายพานคัดแยก
บริษัทในยุโรปหลายราย รีไซเคิลรองเท้าเช่นกัน
ด้วยความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสหภาพยุโรป บริษัทอื่น ๆ ในยุโรป ก็เป็นผู้นำในด้านการรีไซเคิลรองเท้าเช่นกัน เช่น บริษัท เอโซ รีไซเคิล (Eso Recycling) ของอิตาลี ที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล และสร้างวัสดุใหม่ ๆ จากอุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งาน
ฟูเอนเตส-เมนเดล กล่าวว่า การรีไซเคิลเป็นโซลูชันหนึ่งที่ช่วยให้เราลดปริมาณรองเท้าที่หมุนเวียนได้ และเขาได้กล่าวถึงฟาสต์ฟีทกรินด์ โดยเธอเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติในการรีไซเคิลรองเท้าเพื่อให้ขยายขนาดได้
การทำรองเท้าจากรองเท้า
รองเท้าที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลฟาสต์ฟีทกรินด์ 100% ยังไม่ได้ออกสู่ตลาด แต่แบรนด์ต่าง ๆ กำลังพยายามอย่างหนักในการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ โปรแกรมการใช้รองเท้าซ้ำ ( “Reuse-A-Shoe”) ของ ไนกี้ ( Nike) จะนำรองเท้าเก่ามาบดเป็นวัสดุใหม่เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ อดิดาส ( Adidas) ก็ได้นำขยะพลาสติกที่เก็บได้จากทะเลมาผลิตเป็นส่วนบนของรองเท้า บางรุ่น
นอกจากนี้ เอซิกส์ (Asics) ยังพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย โรมี มิลเทนเบิร์ก (Romy Miltenberg) ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืนประจำภูมิภาคยุโรปตะวันออก (EMEA) ของเอซิกส์กล่าวว่า ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของรองเท้ามากกว่า 60% มาจากกระบวนการผลิตและวัสดุที่ใช้ในการผลิต ดังนั้น ในฐานะอุตสาหกรรม เราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ฟาสต์ฟีทกรินด์ เป็นพันธมิตรรีไซเคิลรองเท้ารายใหญ่ที่สุดของแบรนด์ในยุโรป โดยรับรองเท้าที่โรงงานของเอซิกส์ คัดแยกออก รวมถึงรองเท้าใช้แล้วที่ส่งคืนในร้าน
มิลเทนเบิร์ก (Miltenberg) กล่าวว่าพื้นรองเท้าด้านนอกที่ทำจากยางจะถูกเปลี่ยนเป็นอนุภาคยาง พื้นรองเท้าชั้นกลางจะถูกเปลี่ยนเป็นอนุภาคโฟม และส่วนบนจะถูกนำกลับมารีไซเคิลเป็นเส้นใยสิ่งทอ
“ขณะนี้ เรากำลังสำรวจว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างกับผลลัพธ์ของวัสดุเหล่านั้น โดยดูว่าเราสามารถผลิตรองเท้าจากรองเท้าได้อีกครั้งหรือไม่”
เธอกล่าวเสริมว่า การรีไซเคิลสิ่งทอเป็นสิ่งทออาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจาก รองเท้าผ้าใบ ของบริษัทมีมาตรฐานประสิทธิภาพสูง
“รองเท้าวิ่งใหม่มากกว่า 90% ของเอซิกส์ ทั้งหมดประกอบด้วยวัสดุรีไซเคิลในส่วนบนของรองเท้า แต่การค้นหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับพื้นรองเท้าชั้นกลางนั้นซับซ้อนกว่านั้นมาก”
ฟูเอนเตส-เมนเดลยอมรับถึงความยากลำบากของวงจรชีวิตที่แท้จริง โดยกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมกีฬาต้องทำงานภายใต้ความท้าทายสามประการ ได้แก่ ความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และสไตล์
“ต้องใช้การวิจัยและการทดสอบจำนวนมากเพื่อผลิตรองเท้าที่มีศักยภาพในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในรอบเดียว”
เธอบอกว่าบริษัท R&D กำลังทดลองใช้วัสดุใหม่ๆ ที่ในอนาคตอาจนำมาใช้ได้ทั้งในด้านประสิทธิภาพและการนำกลับมาใช้ใหม่ และเสริมว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถฟื้นคืนมูลค่าจากชิ้นส่วนรีไซเคิลได้ด้วยการนำไปใส่ในรองเท้า ซึ่งในอุดมคติแล้วควรมีประสิทธิภาพเท่ากับวัสดุใหม่
ปัญหาส่วนรวม
แต่ฟูเอนเตส-เมนเดลเชื่อว่าปัญหานี้ต้องการแนวทางที่ก้าวข้ามผู้ผลิต โดยเน้นย้ำว่า ฉันจะไม่พูดว่า ‘แบรนด์ต้องแก้ไขเรื่องนี้’ เพราะนั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเขาเพียงฝ่ายเดียว รัฐบาล หน่วยงานเอกชน ซัพพลายเออร์ซิลิคอน ฟาสต์ฟีทกรินด์ ของโลกและนักประดิษฐ์ต้องร่วมมือกัน
ผู้บริโภคก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ฟูเอนเตส-เมเดล (Fuentes-Medel) สนใจที่จะดูว่าผู้คนจะได้รับแรงจูงใจให้ใส่ใจผลกระทบต่อตนเองมากขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่จัดหาเครื่องมือเพื่อยืดอายุการใช้งานรองเท้าหรือมอบบัตรของขวัญเพื่อแลกกับรองเท้ามือสอง
ร้านขายของมือสองและร้านขายของมือสองออนไลน์ก็เสนอวิธีแก้ปัญหาในการยืดอายุการใช้งานของรองเท้าเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น โซเลส4โซลส์ (Soles4Souls) ที่นำรองเท้าที่ถูกโยนไปที่หลุมฝังกลบและนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการ
ส่วนฟาสต์ฟีทกรินด์ มีแผนที่จะขยายการดำเนินงานไปยังต่างประเทศ
“ปัญหาเกิดขึ้นทุกที่ ดังนั้นการมีโรงงานรีไซเคิลอยู่ทั่วโลกจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก” ปอร์เมสกล่าว
ที่มา: https://edition.cnn.com/climate/footwear-waste-shoe-recycling-fast-feet-grinded-spc/index.html