ฮอร์โมนเพศชาย หรือ “เทสโทสเตอโรน (Testosterone)” เป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยอัณฑะ (Testis) ซึ่งเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชาย มี 2 ข้างอยู่ในถุงอัณฑะ (Scrotum) ฮอร์โมนนี้ช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ และยังส่งผลต่อการทำงานส่วนอื่นของร่างกาย โดยช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดระดับไขมันสะสมในร่างกาย และป้องกันโรคกระดูกพรุนอีกด้วย
ฮอร์โมนเพศชาย ทำหน้าที่อะไรบ้าง?
หน้าที่สำคัญของฮอร์โมนเพศชาย คือการกระตุ้นให้เด็กชายก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม โดยจะทำให้อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายทั้งภายนอกและภายในเจริญเติบโตเต็มที่ องคชาติขยายใหญ่และยาวขึ้น มีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ รักแร้ หน้าแข้ง แขน ขา มีลูกกระเดือก ไหล่กว้าง สะโพกแคบ กล้ามเนื้อเจริญเติบโตขึ้น ผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจหลายด้าน เช่น
• มีความรู้สึกรักใคร่และความต้องการทางเพศ
• มีเหงื่อออกมากขึ้น และอาจทำให้มีกลิ่นตัว
• เสียงแหบ หรือเสียงทุ้มขึ้น
• กระดูกใหญ่ขึ้น ไหล่และหน้าอกกว้างขึ้น
• ผิวหนังสร้างไขมันมากขึ้น ทำให้มีรูขุมขนใหญ่ขึ้น และบางคนอาจเป็นสิวที่ใบหน้า
• มีขนที่ใต้วงแขน และหัวเหน่า
ระดับของฮอร์โมนเพศชายปกติ คือเท่าไร?
ระดับปกติของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ควรอยู่ระหว่าง 350-1000 ng/dl (นาโนกรัมต่อเดซิลิตร) แต่หลังจากที่ผู้ชายมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเพศชายจะค่อยๆลดลงประมาณ 1-2% ต่อปี ทำให้มีโอกาสแสดงอาการจากการขาดฮอร์โมนได้มากขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ในผู้ที่ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงผิดปกติก็อาจทำให้เกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone deficiency) ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจหลายอย่าง เช่น หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า อ้วนลงพุง ความรู้สึกทางเพศลดลง การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
จะรู้ได้อย่างไรว่า ฮอร์โมนเพศชายอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ?
ผู้ชายส่วนมากมักไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ หรือภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย เนื่องจากเป็นภาวะที่แสดงออกได้ในหลายระบบของร่างกาย
ดังนั้นหากรู้สึกว่าตนเองมีอาการของการขาดฮอร์โมนเพศชาย เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย นอนไม่ค่อยหลับ ไม่กระฉับกระเฉง อารมณ์ทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีความเครียดมาก ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อ้วนลงพุง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่ หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง ก็ควรเข้ารับการตรวจระดับฮอร์โมน
วิธีการตรวจระดับฮอร์โมนเพศชายทำอย่างไร?
แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการณ์ หลังจากนั้นจะนำผลตรวจมาวิเคราะห์ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
การตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงการตรวจระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องจะตรวจด้วยวิธีการเจาะเลือด (Blood test) แล้วส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์
โดยแพทย์จะซักประวัติผู้เข้ารับการตรวจ ตรวจร่างกาย และนำผลการตรวจระดับฮอร์โมนในเลือดที่ได้ มาประเมินเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษา รวมทั้งแนวทางการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย แนะนำให้เจาะเลือดในช่วงเช้า 7.00 – 11.00 น. และอาจต้องงดอาหารมาอย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนเจาะเลือด ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการเจาะตรวจเพิ่มเติม และถ้าหากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยารักษาโรคประจำตัวอยู่เป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ทราบก่อนเข้ารับการตรวจด้วย
ข้อดีของการตรวจฮอร์โมนเพศชาย
การตรวจฮอร์โมนจะช่วยให้ทราบระดับของฮอร์โมนเพศชายและผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์หาสาเหตุและวางแผนในการรักษา ในผู้ป่วยที่มีอาการจากการขาดฮอร์โมนเพศชาย หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากการขากฮอร์โมน การเสริมฮอร์โมนเพศชายจะช่วยทำให้อาการต่างดีขึ้น และช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ใครที่สมควรรับการตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย?
ผู้ที่มีอาการของการขาดฮอร์โมนเพศชาย เช่น
• อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
• นอนไม่ค่อยหลับ หรือการนอนหลับผิดปกติ
• ระดับพลังงานลดลง อ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง
• อารมณ์ทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง
• การแข็งตัวของอวัยวะเพศในช่วงเช้าลดลง
• ปริมาณน้ำอสุจิน้อยลง
• สมรรถภาพทางกายลดลง กล้ามเนื้อลีบลง
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดของฮอร์โมนเพศชาย ได้แก่
• ผู้ที่เป็นเบาหวาน
• ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีภาวะอ้วนลงพุง
• ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
• ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด
• ผู้ที่มีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย
• ผู้ที่เคยได้รับเคมีบำบัด หรือฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน
• ผู้ป่วยที่เคยได้รับการผ่าตัดบริเวณขาหนีบ อัณฑะหรือในอุ้งเชิงกราน
เราจะดูแลตนเองให้มีระดับฮอร์โมนเพศชายปกติได้อย่างไร?
เรายังสามารถดูแลตนเองได้ง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนลักษณะการดำเนินชีวิตให้เหมาะสม เช่น
• ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• รักษารูปร่างให้ไม่มีภาวะอ้วนลงพุง
• พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
• หลีกเลี่ยงการรับประทานของทอด ของมัน ของหวาน
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด
• งดสูบบุหรี่
หากพบว่ามีฮอร์โมนเพศชายต่ำ รักษาอย่างไร?
การรักษาภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม
นอกจากนี้แพทย์อาจพิจารณาให้ยาหรือฮอร์โมนเพศชายทดแทน ซึ่งสามารถทำให้เพิ่มระดับฮอร์โมนที่ขาดได้ ทำให้ลดอาการจากการขาดฮอร์โมนเพศชายและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
3 ท่านอนกระตุ้นการปวด
https://www.thaiquote.org/content/250034
คำแนะนำในการปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ
https://www.thaiquote.org/content/249992
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะสงกรานต์ปลอดภัย พกยาไทยช่วยคลายร้อน
https://www.thaiquote.org/content/249980