ปฏิวัติวงการอาหาร! ญี่ปุ่นเปิดตัวนักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงในแล็บครั้งแรก เทคโนโลยีเส้นใยชีวภาพเปลี่ยนโลก

ปฏิวัติวงการอาหาร! ญี่ปุ่นเปิดตัวนักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงในแล็บครั้งแรก เทคโนโลยีเส้นใยชีวภาพเปลี่ยนโลก

คุณเคยนึกภาพไหมว่า วันหนึ่งเราอาจกินเนื้อไก่ที่ไม่ต้องฆ่าไก่สักตัว? เทคโนโลยีสามารถสร้างอาหารที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสเหมือนของจริงได้ถึงขนาดไหน? และอะไรจะเกิดขึ้นถ้าการผลิตอาหารไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่อีกต่อไป?

เหล่านี้อาจไม่ใช่คำถามในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป เมื่อญี่ปุ่นเพิ่งประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนานักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการที่ใช้ ‘เทคโนโลยีเส้นใยชีวภาพ’ ล้ำสมัย ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการบริโภคโปรตีนของมนุษยชาติในอนาคต

 

 

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

 

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น นำโดย ‘ศาสตราจารย์โชจิ ทาเคอุจิ’ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้พัฒนา ‘เนื้อไก่เพาะเลี้ยงในห้องแล็บ’ ขนาดเท่า นักเก็ตน้ำหนัก 11 กรัม โดยใช้เทคโนโลยีเลียนแบบระบบไหลเวียนเลือดของสิ่งมีชีวิต ด้วยเทคนิคพิเศษในการสร้างเส้นใยชีวภาพ (Biofiber) ที่มีโครงสร้างคล้ายกับเนื้อไก่จริง โดยเริ่มจากการเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells) จากไก่มีชีวิตด้วยวิธีการที่ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ เซลล์เหล่านี้ถูกนำมาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการภายใต้สภาวะควบคุมพิเศษ และได้รับสารอาหารที่จำเป็นผ่านวัสดุรองรับเซลล์ (Scaffolding) ที่ย่อยสลายได้

 

นวัตกรรมสำคัญอยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีการจัดเรียงเส้นใยชีวภาพในลักษณะที่เลียนแบบโครงสร้างกล้ามเนื้อไก่ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถสร้างเนื้อสัมผัสที่คล้ายคลึงกับเนื้อไก่จริงได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งความนุ่ม ความฉ่ำ และลักษณะการฉีกขาดของเนื้อ

 

 

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม

 

นักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายหลายประการที่โลกกำลังเผชิญ:

  • การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การผลิตเนื้อสัตว์ในห้องปฏิบัติการใช้พลังงานและทรัพยากรน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิมถึง 90%
  • ลดการใช้ที่ดิน ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อการเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชอาหารสัตว์
  • สวัสดิภาพสัตว์ ไม่มีการฆ่าสัตว์ในกระบวนการผลิต เพียงแค่เก็บเซลล์จากสัตว์มีชีวิต
  • ความปลอดภัยทางอาหาร ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มเลี้ยงสัตว์

 

 

รสชาติ ที่เหมือนเนื้อจริง มากขึ้น

 

ทีมนักวิจัยได้จัดการทดสอบรสชาติแบบปิดฉลาก (Blind taste test) โดยเปรียบเทียบนักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงกับนักเก็ตไก่ทั่วไป ผลปรากฏว่า 78% ของผู้ทดสอบไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ และมากกว่า 65% ยอมรับในรสชาติและเนื้อสัมผัส โดยระบุว่ามีความคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ทั่วไปอย่างน่าประหลาดใจ

ด้านกลิ่นและรสชาติ ทีมวิจัยได้พัฒนาสูตรเฉพาะที่ผสมสารให้กลิ่นรสจากธรรมชาติ เพื่อจำลองรสชาติของไก่แท้ได้อย่างใกล้เคียง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนมาบริโภคผลิตภัณฑ์นี้โดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก

 

นอกจากเนื้อไก่แล้ว ทีมวิจัยเชื่อว่า เทคโนโลยีเดียวกันนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถต่อยอดไปสู่การผลิตเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น เนื้อวัว หมู และปลาได้เท่านั้น หากแต่ยังอาจนำไปสู่การสร้างอวัยวะชีวภาพ เช่น ตับหรือไตเทียมในอนาคตอีกด้วย

 

‘ศ.เดเร็ก สจ๊วต’ จากสถาบันเจมส์ ฮัตตัน สหราชอาณาจักร ได้ให้ความเห็นว่า “นวัตกรรมดังกล่าวเป็นอีกก้าวหนึ่งของวงการอาหารทางเลือก  การผลิตเนื้อในขนาดที่คนคุ้นเคยในการรับประทาน อย่างนักเก็ตไก่ ยิ่งเป็นวิธีคิดที่ฉลาดมาก”

 

ไม่เพียงเท่านี้ ศ.สจ๊วต ยังได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า หากมีการนำเส้นใยอาหารที่รับประทานได้มาใช้เป็นโครงสร้างในการเพาะเลี้ยงเนื้อ จะสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เช่น สังกะสีหรือซีลีเนียม เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งการเติมซอสลงในเส้นใย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่มีรสชาติหลากหลาย เช่น นักเก็ตไก่รสติกก้ามาซาล่าได้อีกด้วย

 

แผนการวางจำหน่ายและราคา

 

บริษัทมีแผนจะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงในร้านอาหารชั้นนำของญี่ปุ่นภายในปีนี้ ก่อนขยายสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในปีถัดไป โดยราคาเริ่มต้นจะสูงกว่านักเก็ตไก่ทั่วไปประมาณ 30% แต่คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปี จนสามารถแข่งขันด้านราคากับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทั่วไปได้

 

“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่สร้างทางเลือกใหม่ แต่เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของการบริโภคโปรตีนที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องลดทอนประสบการณ์การรับประทานที่ผู้บริโภคคุ้นเคย” นายฮิโรชิ ทานากะ ซีอีโอของบริษัทกล่าว

 

ความท้าทายและอนาคต

 

แม้จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ ทั้งในด้านการขยายกำลังการผลิต การลดต้นทุน และการสร้างการยอมรับจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเด็นของ “ความเป็นธรรมชาติ” ของอาหาร

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ตลาดเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการจะมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยประเทศญี่ปุ่นกำลังอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเป็นผู้นำตลาดด้วยนวัตกรรมล่าสุดนี้

ความสำเร็จของนักเก็ตไก่เพาะเลี้ยงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหาร และอาจเป็นคำตอบหนึ่งของความพยายามแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหารของโลกในอนาคต

 

 

อ้างอิง

 

https://www.dailynews.co.th/news/4615206/

https://www.reddit.com/r/Futurology/comments/1k1ado8/labgrown_chicken_nuggets_hailed_as_transformative/?tl=th

 

บทความอื่น ที่น่าสนใจ

ยุโรป คิดได้! แจกไก่บ้านละ 2 ตัว ช่วยลดขยะอาหาร-ก๊าซมีเทน แถมมีไข่กินทั้งปี