ครม.อนุมัติงบ 1.2 พันล้านเหรียญฯ จัดแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ใต้แนวคิด “Sustainable F1”

ครม.อนุมัติงบ 1.2 พันล้านเหรียญฯ จัดแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ใต้แนวคิด “Sustainable F1”

ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula One (F1) ในกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “Sustainable F1” ที่ไม่เพียงมุ่งจัดการแข่งขันระดับโลก แต่ยังต้องการเป็นต้นแบบของการจัดอีเวนต์อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะจัดการแข่งขันได้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2571 (ค.ศ. 2028)

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติวงเงินกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยจะได้รับสิทธิ์จัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องทุกปีไปจนถึงปี พ.ศ. 2575

นายจิรายุ หวงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า งานนี้เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับสู่เวทีระดับโลก ทั้งในด้านกีฬา การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี โดยเฉพาะการส่งเสริมภาพลักษณ์กรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครสีเขียว ที่เปิดรับนวัตกรรมเพื่ออนาคต

 

จากความเร็วสู่ความยั่งยืน: นิยามใหม่ของ “Green Grand Prix”

แนวคิด “Sustainable F1” เกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้หารือกับสเตฟาโน โดเมนิคาลี ประธาน Formula One Group เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเสนอให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดแข่งขันในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนเส้นทางแข่งที่ผสานเข้ากับเมืองจริง

เป้าหมายหลักของโครงการนี้ คือการเปลี่ยนภาพจำของ F1 ที่เคยถูกมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยจะใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในงาน ลดเสียงรบกวน บริหารจัดการขยะ และส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ

 

F1 ไทย กับบทบาทใหม่ในเวที ESG

แนวทางการจัด “Sustainable F1” ครั้งนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้การจัดงานเป็นมากกว่าความบันเทิง แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทยให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสีย

ในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) โครงการนี้จะใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ รวมถึงมีมาตรการจัดการของเสียจากนักท่องเที่ยวและกิจกรรมในงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านสังคม (Social) การจัด F1 จะช่วยสร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ธุรกิจ EV, การพัฒนาระบบชาร์จไฟอัจฉริยะ และเทคโนโลยีบริหารพลังงาน อีกทั้งยังสร้างเวทีความร่วมมือกับนักลงทุนและบริษัทนานาชาติที่สนใจพัฒนานวัตกรรมในไทย

ในมิติด้านธรรมาภิบาล (Governance) โครงการนี้ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน และสร้างกลไกร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในท้องถิ่น

 

โอกาสใหม่ของกรุงเทพฯ และความคาดหวังต่ออนาคต

F1 กรุงเทพฯ เป็นโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เช่น ถนนที่รองรับ EV ระบบ Smart Mobility และโซลูชันพลังงานสะอาดในเขตเมือง รวมถึงต่อยอดสู่อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติที่กำลังเติบโต

หากสามารถนำแนวคิดนี้สู่การปฏิบัติได้จริง เมืองหลวงของไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของอีเวนต์ระดับโลกที่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวและมูลค่าทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โลกกำลังให้ความสำคัญกับ Climate Action และการสร้างเมืองอัจฉริยะอย่างจริงจัง

 

คำถามที่ต้องจับตาในระยะต่อไป

แม้แนวคิด “Sustainable F1” จะได้รับการตอบรับในเชิงนโยบาย แต่ก็ยังมีคำถามสำคัญที่สังคมจับตา ได้แก่:

  • เส้นทางสนามจะเลือกบริเวณใดในกรุงเทพฯ และมีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่
  • ระบบจัดการเสียง มลพิษ และการจราจรจะมีประสิทธิภาพเพียงใด
  • จะมีการชดเชยคาร์บอน (carbon offset) และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไร
  • สนามแข่งบุรีรัมย์ที่ได้มาตรฐาน FIA จะมีบทบาทอย่างไรในโครงการนี้
  • ภาคธุรกิจพลังงานสะอาดและ EV ไทยจะได้ร่วมมือหรือมีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง

 

หากประเทศไทยสามารถจัดการแข่งขัน F1 ได้โดยไม่ทิ้งภาระให้สิ่งแวดล้อม หรือสร้างเพียง “ภาพลักษณ์ผิวเผิน” แต่กลับกลายเป็นโครงการที่เปลี่ยนผ่านเมืองหลวงให้เป็นมหานครแห่งนวัตกรรมยั่งยืน “Sustainable F1” สนามแห่งอนาคตของเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ อย่างแท้จริง

 

 

ที่มา